ข้อผิดพลาดของการทำ SEO ที่ไม่ควรโผล่บนเว็บไซต์ของคุณ

การทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพไม่ควรเน้นไปแค่การเพิ่มปริมาณลิงก์หรือคีย์เวิร์ดให้มากเข้าไว้ โดยไม่สนใจคุณภาพของเนื้อหา เพราะการไม่พัฒนาคุณภาพงานเป็นจุดเรื่องต้นพื้นฐานของความล้มเหลวในการทำการตลาดออนไลน์ ยิ่งการทำ SEO บนเว็บไซต์ทางธุรกิจยิ่งต้องใส่ใจในรายละเอียดที่มากขึ้นไปอีก เพราะเว็บไซต์เหมือนเป็นสิ่งที่สะท้อนหน้าตาภาพลักษณ์ของแบรนด์ออกมาให้ลูกค้าเห็น โดยทั้ง 4 เรื่องต่อไปนี้ ไม่ควรเกิดขึ้นบนเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ

  1. การใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไปบนหน้าเพจ

บางคนอาจจะคิดว่ายิ่งมีคีย์เวิร์ดเยอะยิ่งดี และคงติดอันดับการเสิร์จได้เร็ว แต่ในความเป็นจริงการยัดเยียดคีย์เวิร์ดเข้าไปบนหน้าเพจเรียกว่า Keyword Stuffing เป็นสิ่งต้องห้ามในการจัดอันดับผลการค้นหาของ Google และส่งผลให้ไม่ติดอันดับการค้นหาในที่สุด ในทางปฏิบัติผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องเรียนรู้การใส่คีย์เวิร์ดที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ต้องการนำเสนออย่างเป็นธรรมชาติ มีความถี่ในการใส่ที่สม่ำเสมอ เพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีคุณภาพและมีโอกาสซื้อสินค้าและบริการเข้ามายังหน้าเพจของบริษัท

  1. ไม่มีการเปลี่ยนชื่อ URL Slug

URL Slug คือชื่อของ URL ของเว็บเพจที่อยู่ต่อด้านหลังชื่อเว็บไซต์ โดยชื่อของ Slug นี้สามารถให้ตัวเว็บไซต์สร้างขึ้นมาเองได้ แต่ปัญหาคือมักได้ชื่อที่มีลักษณะเป็นรหัสยาว ๆ มองดูแล้วไม่มีความเกี่ยวข้อกับเนื้อหา ลูกค้ามองมาไม่เข้าใจว่าเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร ดังนั้นควรมีการเปลี่ยนชื่อ Slug ของเว็บไซต์ให้เข้าใจง่าย กระชับ และทางที่ดีควรมีคีย์เวิร์ด SEO อยู่ในนั้นด้วย อีกเคล็ดลับที่น่าสนใจคือการเลือกใช้ URL เป็นภาษาอังกฤษ เพราะหลายครั้ง URL ภาษาไทย เมื่อถูกนำไปแชร์ต่อจะเพี้ยนกลายเป็นภาษาต่างดาว และทำให้คนไม่กล้ากดเข้ามาดูเว็บไซต์

  1. ใส่รูปขนาดใหญ่เกินไปและไม่มีชื่อรูป

การเลือกใช้รูปให้เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับเนื้อหานับเป็นสิ่งสำคัญ แต่หลายคนอาจจะคิดว่าการแปะรูปบนเว็บไซต์ ถ้ารูปมีขนาดใหญ่ยิ่งดี แต่ความจริงแล้วจะเป็นการทำให้หน้าเพจดูไม่สวยงาม และรบกวนการจัดหน้าข้อความให้ดูสบายตาอีกด้วย และถ้าพื้นที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์ไม่ใหญ่ อาจจะกินพื้นที่และใช้เวลาโหลดมากเกินไปโดยไม่จำเป็น  ดังนั้นการเลือกภาพมาประกอบบนเว็บไซต์ต้องมีขนาดพอดี รูปมีคุณภาพ และควรตั้งชื่อรูปเพื่อแสดงว่าภาพนี้ต้องการจะสื่ออะไร จะทำให้ส่งผลดีต่อการทำ SEO อย่างแน่นอน

  1. ไม่อัพเดทเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ

เนื้อหาที่สดใหม่และมีการพัฒนาให้ทันสมัยตลอดเวลาเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหาบนโลกออนไลน์ ดังนั้นการหมั่นพัฒนาเนื้อหาและเพิ่มข้อมูลใหม่ ๆ ให้ทันโลกและตอบโจทย์ความต้องการแนวใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาของลูกค้า เป็นสิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ดูน่าสนใจ และนับเป็นการก้าวนำคู่แข่งอยู่หนึ่งก้าว 

รายละเอียดการทำเว็บไซต์แค่จุดเล็ก ๆ สามารถส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ต่อผลการทำ SEO และยังมีผลต่อหน้าตาเว็บไซต์ในสายตาผู้ใช้งานอีกด้วย การใส่ใจและหมั่นพัฒนาเนื้อหาเป็นเรื่องคุ้มค่าที่ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องให้ความสำคัญ ดังนั้นเว็บไซต์ของใครยังมีทั้ง 4 ข้อที่เรานำเสนอไป ต้องหันกลับไปแก้ไข ก่อนจะถูกลดอันดับการเสิร์จไปโดยไม่รู้ตัว

เขียนบทความ SEO อย่างไรให้มีคุณภาพ

ถามถึงเหตุผลของการพยายามทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกๆ ของ Google คำตอบคงหนีไม่พ้น เพื่อให้ลูกค้าเห็นเว็บไซต์ของคุณทำให้มีโอกาสขายสินค้าหรือบริการได้ก่อนคู่แข่ง แต่เห็นก่อนแล้วยังไง ถ้าไม่มีคำอธิบายว่าสินค้าหรือบริการของคุณดีอย่างไร คนค้นหาสินค้าคลิกเข้ามาดูแล้วไม่เห็นความน่าสนใจ แทนที่จะใช้บริการหรือเลือกซื้อสินค้า กลายเป็นเลือกที่จะคลิกออกจากเว็บทันทีแทนไปซะอย่างงั้น ถ้าเป็นแบบนั้นจะยิ่งส่งผลเสียต่อการจัดอันดับ ในทางกลับกันการเขียนบทความดีๆ เนื้อหามีประโยชน์ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าน่าเชื่อถือซึ่งมีอิทธิพลให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

เมื่อคนค้นหาสินค้าหรือบริการพบเว็บไซต์ของคุณก่อน คลิกเข้ามาพบบทความดีๆ มีประโยชน์สอดคล้องกับความต้องการ ทำให้มีโอกาสปิดยอดขายได้ก่อนคู่แข่ง การปรับปรุงคุณภาพของบทความจึงเป็นส่วนหนึ่งของการทำ SEO ที่มีคุณภาพนั่นเอง

เขียนบทความอย่างไรให้มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ

คุณภาพของเนื้อหาส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ จึงมีประโยชน์ต่อผลการจัดอันดับเสมอ เพราะชี้ให้เห็นว่าเจ้าของธุรกิจและเว็บไซต์นั้นมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ เนื้อหาที่อัปเดตให้ทันสมัยและถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้นเป็นสิ่งสำคัญให้เห็นความใส่ใจและความซื่อตรงต่อลูกค้า นอกจากเนื้อหาของบทความแล้ว

ความสามารถในการอ่านเป็นทักษะสำคัญ ควรศึกษาลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายและยึดระดับการอ่านที่เหมาะสม ความสนใจ และความต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะเจาะจง ช่วยให้สามารถอ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น ทำให้เนื้อหาบทความดีๆ ให้ประโยชน์กับลูกค้ามากขึ้น

หลีกเลี่ยงบทความที่ยาวเกินไป เพิ่มความน่าสนใจด้วยรูปภาพโดยใช้ภาพประกอบที่น่าสนใจและสอดคล้องเนื้อหาทำให้อ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น

คีย์เวิร์ดเป็นปัจจัยสำคัญของบทความ มีคีย์เวิร์ดหลายประเภทที่ใช้ในบทความเดียว ทั้งคีย์เวิร์ดหลัก คีย์เวิร์ดรอง และคีย์เวิร์ดแบบวลีที่บอกคุณสมบัติแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ลูกค้าค้นหาเจอสิ่งที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด คีย์เวิร์ดเป็นตัวแปรที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความนิยมของลูกค้า ควรอัปเดทและปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมเพื่อช่วยให้ลูกค้าหาหน้าเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น

ข้อดีของการเขียนบทความดีๆ ลงในเว็บไซต์

การเขียนบทความ SEO ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงธุรกิจของคุณได้มากขึ้น เนื้อหาบทความที่น่าสนใจและมีประโยชน์จะกระตุ้นให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์อ่านบทความทำให้อยู่ในเว็บเพจนั้นนานขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจัดอันดับการค้นหา

เมื่อผู้อ่านแล้วรู้สึกพอใจ ผลตอบแทนที่ได้รับคือการเปลี่ยนจากผู้อ่านมาเป็นลูกค้าในภายหลัง นอกจากนั้นการขอความคิดเห็นท้ายบทความในมุมมองของผู้อ่านหรือผู้บริโภคยังทำให้เจ้าของธุรกิจรู้ถึงความต้องการโดยตรงของลูกค้า พร้อมกับการปรับปรุงบทความเพิ่มเนื้อหาที่สำคัญ เพิ่มความน่าสนใจและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ท้ายที่สุดจะทำให้บทความบนเว็บไซต์มีผู้ชมปริมาณมากขึ้นและได้รับการจัดอันดับให้ติดหน้าแรกในผลลัพธ์การค้นหาของ Google เป็นวิธีการทำการตลาดดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพมากโดยไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

เทคนิคสร้าง SEO ให้ได้ผลจริง

SEO (Search Engine Optimization) คือวิธีการปรับการแต่งเว็บไซต์ ทั้งการปรับปรุงเนื้อหา และการเพิ่ม Backlink หรือลิงค์คุณภาพมายังเว็บไซต์ เพื่อโปรโมทเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้น ๆ ของ Search Result Page ซึ่งเป็นหน้าการแสดงผลการค้นหา ซึ่งเมื่อกรอก Keyword หรือคำค้นหาที่ต้องการผ่าน Search Engine หรือเครื่องมือการค้นหา อย่าง Google, Yahoo!, Bing ซึ่งเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์

แต่ละ Search Engine ก็มีหลักการที่ไม่ต่างกันนัก นั่นคือการใช้ User Experience (UX) หรือ การมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด การทำ SEO ตามหลักของ Google จึงเป็นการทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ มีข้อมูลตรงตาม Keyword ที่ใช้ค้นหา และยังส่งผลของการทำ SEO ใน Search Engine อื่น ๆ ด้วย

Keyword คือคำหรือวลีที่ผู้คนใช้ค้นหาสิ่งที่ตนเองต้องการด้วย Search Engine ทั้งสินค้า บริการ ปัญหา หรือความต้องการอื่น ๆ เมื่อทำการเสิร์ชอะไรบางอย่าง แล้วในเว็บไซต์มีประโยคที่มี Keyword อยู่ เว็บไซต์นั้นก็จะแสดงบนหน้าของ Search Engine เมื่อเข้าใจพฤติกรรมการค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย ก็จะช่วยให้สามารถเลือก Keyword ได้ถูกต้อง ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด ทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จัก และมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้มากขึ้น

ประเภทของ Keywords

1. Generic Keyword หรือ Keyword ทั่วไป เป็นคำหรือวลีกว้าง ๆ ไม่เฉพาะเจาะจง ควรเป็นคำที่มีปริมาณการค้นหาสูงมาก ข้อดีคือช่วยให้เว็บไซต์สามารถติดอันดับได้ง่าย ทำให้เว็บไซต์ และธรุกิจเป็นที่รู้จักได้มากขึ้น แต่โอกาสติดอันดับต้น ๆ ค่อนข้างยาก เพราะเป็นคำที่มีปริมาณการค้นหาสูง ทำให้มีคู่แข่งมากตามไปด้วย

2. Niche Keyword เป็นการกำหนด Keyword ที่แคบขึ้นมาอีกเล็กน้อย ข้อดีคือทำให้เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงได้ดีขึ้น ตรงตามความต้องการของผู้เสิร์ชมากขึ้น สร้างโอกาสในการขายได้ดีขึ้น และช่วยลดคู่แข่งได้ดีกว่าการใช้ Generic Keyword

3. Longtail Keyword เป็น Keyword ที่เฉพาะเจาะจงตรงตามความต้องการของผู้เสิร์ชอย่างชัดเจน แม้ปริมาณการค้นหาจะต่ำก็ตาม อาจเรียกได้ว่าเป็น Keyword ที่สามารถทำเงินได้ดี เพราะผู้เสิร์ช Keyword กลุ่มนี้ คือผู้ที่มีความต้องการสินค้าและบริการอย่างชัดเจนแล้ว

ขั้นตอนการเขียนบทความที่ดีต่อ SEO

เลือกหัวข้อที่จะเขียน ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจ เพราะการคลิ๊กเลือกเว็บไซต์จะเลือกจากหัวข้อที่สนใจก่อน

ค้นหาคีย์เวิร์ดที่คนใช้เสิร์ชมาก ๆ และตรงกับเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ โดยลองพิมพ์คำที่สนใจบนช่องการค้นหาของ Google และดูคำยอดนิยมที่แสดงขึ้นมา ทำให้ทราบปริมาณการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้น ๆ รวมถึงคำใกล้เคียงกันด้วย

เขียนเนื้อหาที่ครอบคลุมกับ Keyword และมีความยาวของบทความที่ไม่สั้นจนเกินไป เนื้อหาควรครอบคลุมหลาย ๆ คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง โดยมาก Google ค่อนข้างชอบบทความที่ค่อนข้างยาว เพราะสามารถทำความเข้าใจเนื้อหาของบทความได้ดีกว่าบทความสั้น ๆ

เขียนคอนเทนต์คุณภาพที่สร้างประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่เขียนย่อหน้าแรกยาวมากเกินไป จนไม่ดึงดูดใจของผู้อ่าน อาจใช้มีเดียอื่น ๆ อย่าง รูปภาพ วิดีโอ หรือพอดแคสต์

นำคีย์เวิร์ดที่ต้องการมาใช้กับคอนเทนต์ ใส่คีย์เวิร์ดในส่วนต่าง ๆ ของบทความ หรือใส่คีย์เวิร์ดไว้ในลิงก์ URL หรือรูปภาพก็ได้

การแชร์บนโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงบทความนั้น ๆ เพิ่มโอกาสการเข้าชมมากขึ้น

การวิเคราะห์ผลลัพธ์ วิเคราะห์ผลลัพธ์ผ่าน Google analytics เพื่อดูพัฒนาการของเว็บไซต์ และหาทางปรับปรุงต่อไป

จำเป็นแค่ไหนที่ต้องใช้บทความ SEO กับข้อดีที่ใช่และประโยชน์ต่อธุรกิจคุณ

การทำ SEO มักจะมาควบคู่กับการใช้บทความ ซึ่งตัวบทความหรือเนื้อหาที่เป็น Content นี้ คือองค์ประกอบสำคัญของการทำธุรกิจบนตลาดออนไลน์มาก ๆ ด้วยเพราะทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบไหน จะขายสินค้าบริการอะไร ก็จะต้องมีการใช้คำ ข้อความ และ Content เพื่อการนำเสนอข้อมูลของผลิตภัณฑ์ของธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้า ซึ่งนั่นหมายความว่าเราจำเป็นที่จะต้องใช้บทความในรูปแบบของ SEO เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจของเราให้สามารถเอาชนะคู่แข่งให้ได้

บทความ SEO กับความจำเป็นต่อธุรกิจ

การทำตลาดที่ถูกต้อง ด้วยวิธีการหรือกลยุทธ์ในการทำการตลาดของธุรกิจออนไลน์ที่หลากหลายและไม่ได้ถูกกำหนดว่าจะมีวิธีไหนที่เป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ละรูปแบบของการทำการตลาดก็จะมีข้อดี ข้อเด่น เฉพาะตัว ซึ่งตรงนี้เองที่เป็นความยืดหยุ่นในการทำตลาด แต่การเลือกใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เหล่านั้น มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ และจำเป็นที่ธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญ นั่นก็คือการเลือกกลยุทธ์โดยกำหนดจากหลักคิดสำคัญที่ว่าเรากำลังแข่งขันอยู่บนตลาดออนไลน์ โลกที่ถูกขับเคลื่อนด้วย Keyword และ SEO

สิ่งที่ใคร ๆ ก็ทำ ดู ๆ ไปแล้วการทำในสิ่งที่ทุกคนต่างก็ทำหรือทำเหมือน ๆ กันหมด อาจเป็นแนวคิดที่ไม่เท่เท่าไรนัก เพราะพื้นฐานสำคัญของการทำธุรกิจคือการสร้างความแตกต่าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะการทำ SEO คือพื้นฐานสำคัญของการทำธุรกิจออนไลน์ ที่อยู่บนการค้นหาผ่าน Keyword เป็นจุดเชื่อมให้ลูกค้ามาเจอกับธุรกิจของเรา และแน่นอนว่าทุกธุรกิจออนไลน์ต่างก็ทำเรื่องนี้ จนกลายเป็น Standard ไปแล้วว่า SEO คือสิ่งที่ไม่ทำ ไม่ได้

ประโยชน์ที่ธุรกิจได้จากการทำ SEO

การคว้าลูกค้าให้มาอยู่ในมือ เพราะทุกธุรกิจนั้นจะต้องเจอกับการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา นั่นหมายความว่า หากใครสามารถคว้าลูกค้ามาได้ก่อน ก็มีโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะในศึกนี้ การทำ SEO จะช่วยให้ธุรกิจสามารถได้ตัวลูกค้ามาก่อนคู่แข่ง ผ่านการทำตัวเองให้เป็นหมายเลขหนึ่งของผลการค้นหาผ่าน Search Engine ยอดนิยมนั่นเอง

ต้นทุนและความคุ้มค่า ด้วยเหตุผลที่ว่าต้นทุนก็คือตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลต่อกำไรของธุรกิจ และการทำการตลาดด้วย SEO คือการใช้ต้นทุนที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยเพราะเป็นการทำการตลาดที่สามารถนำไปใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนที่ลูกค้ากำลังมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตัวเองก็จะสามารถค้นเจอธุรกิจของเราได้เสมอ ผ่าน Content SEO ที่ธุรกิจนำเสนอ

เพราะการเลือกใช้บทความที่มีโครงสร้างตาม SEO ในการเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยในการสื่อสารและการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และสามารถแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดมาเป็นของตัวเองได้ ผ่านอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในวงการธุรกิจออนไลน์

การทำ Backlink จำเป็นต่อการทำ SEO อย่างไร

Backlink คือการใส่ลิงก์เพื่อไปยังหน้าเว็บอื่น ๆ เพื่อชี้กลับมาที่หน้าเว็บไซต์ที่ต้องการ เป็นตัวบ่งบอก Google ให้รู้ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์นั้นได้รับการยอมรับ เปรียบเหมือนคะแนนโหวตจากเว็บอื่น ๆ ที่ส่งมาให้ ซึ่งส่งผลให้เว็บไซต์นั้นได้คะแนนจากการ SEO ของ Google ได้มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการทำ Link Building จึงเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้เว็บไซต์อื่น ๆ ลิงก์เนื้อหามายังเว็บไซต์ของเรา ส่งผลให้เว็บไซต์ได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้น หรือใช้เป็นแหล่งอ้างอิงให้เกิดความน่าเชื่อถือ และส่งผลต่อการจัดอันดับของ SEO

การทำ Link Building จึงเป็นการทำ Off-page SEO หรือการทำ SEO นอกเว็บไซต์ของเรานั่นเอง เป็นเรื่องของเทคนิคที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจในการทำพอสมควร ซึ่งการทำ Link Building และ Backlink นั้นสำคัญต่อการทำ SEO ดังนี้

การสร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทาง Google และ Search Engine ใช้พิจารณาในการจัดอันดับบนหน้าการค้นหา

การได้รับ Backlink ถือเป็นการบ่งบอกถึงคุณภาพของเนื้อหา ความน่าเชื่อถือ และชื่อเสียงของเว็บไซต์นั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งส่งผลต่อการจัดอันดับบน Google และเพิ่มโอกาสที่ผู้คนจะพบเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น

ประเภทของ Backlinks

Natural-Editorial เป็นการทำ Backlink แบบไม่ต้องเสียเงินซื้อ เกิดจากเนื้อหาในเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ และมีประโยชน์ จนมีเว็บไซต์อื่น ๆ นำมาใช้อ้างอิงเนื้อหา ระบุถึง และทำลิงก์กลับมาให้

Manual Link Building คือลิงก์ที่สร้างขึ้นเอง ก่อนนำไปปล่อย หรือแปะตามที่ต่าง ๆ อาจทำในลักษณะซื้อบทความ editorial แล้วใส่ลิงค์กลับมาที่เว็บไซต์ของเรา โดยไม่ใช่ spam เว็บไซต์ หรืออาจใช้ Owned asset อย่างการทำ Video content บน Youtube ที่มีการใส่ลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์ หรือใช้ช่องทาง Social channels อื่น ๆ รวมถึงการสร้างเว็บ Blogs ขึ้นมา เป็นต้น

Non-Editorial เป็นลิงก์ที่ใช้เพื่อแสดงกลับมาจากคอมเมนต์ที่อยู่ในเว็บไซต์ต่าง ๆ ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปเขียนคอมเมนต์นั้นได้

การสร้าง backlink ที่ดีหรือการทำให้เกิด active backlink

การสร้างด้วยสื่อของตนเอง เช่น การใส่ใน Social media ต่าง ๆ อย่าง Facebook, Twitter, Youtube, Pinterest หรือ tumblr.com ข้อดีในการทำลิงก์วิธีนี้ คือการควบคุมการส่งลิงก์ได้ดี และสร้างลิงก์ได้อย่างไม่จำกัด สร้างจำนวนผู้ใช้งานได้มากขึ้น

การสร้างจากโฆษณาบน Facebook Ads หรือ Google Ads เป็นการสร้างทราฟฟิกให้ผู่สนใจเข้าเว็บได้โดยตรง แต่อาจต้องเสียเงินค่าโฆษณาเพิ่มเติม แต่ก็จะทำให้มีผู้คนรู้จักเว็บของเราได้ดีมากขึ้น เพิ่มโอกาสการรับรู้ การมีตัวตนของเว็บไซต์ได้ดี

การจ้าง Influencer เพื่อแชร์ลิงค์ไปตามช่องทาง Social Media อย่าง Twitter, Facebook หรือ Instagram เนื่องจากเหล่า Influencer มักมีคนติดตามเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ และทราฟฟิกของเว็บไซต์ได้ดี

การสร้างลิงก์จากเว็บบอร์ด ตัวอย่างเช่น Pantip, Sanook หรือ Jeban เป็นการสร้างลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเว็บบอร์ด แต่บางเว็บอาจมีกฎในการใส่ลิงก์ จึงต้องพิจารณาข้อกำหนด หรือเงื่อนไขให้ดี

การซื้อลิงก์บนเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ตัวอย่างเช่นในกรณีเป็นเว็บไซต์สำหรับสินค้าจำพวกครีมบำรุงผิว อาจซื้อพื้นที่บนเว็บขายเครื่องสำอาง หรือ marketplace อย่าง lazada หรือ shopee

การสร้างลิงก์ที่ใช้เพื่อแก้ปัญหาของผู้ใช้งาน โดยปัญหาควรมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ หรือธุรกิจของเรา ทำให้การแชร์ และแบ่งปันความรู้กลายเป็นการทำ Link Building ที่ดี

การทำ Seeding หรือเขียนบทความฟรีตามเว็บไซต์อื่น ๆ บางเว็บไซต์จะมีการอนุญาตให้บุคคลภายนอกสามารถเขียนบทความได้ เป็นโอกาสให้สร้างลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ หรือหน้าสินค้าของเว็บไซต์เราได้ดี

Google Trends

หลักของการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จนั่นคือ ทำอย่างไรก็ได้ภายใต้กฎ ระเบียบ ข้อบังคับของ Search Engine ให้สามารถค้นหาเว็บไซต์ บทความ หรือข้อมูลธุรกิจเจอ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่ว่าจะใช้คำค้นหาใด ๆ ก็จะเจอเว็บไซต์ของคุณเจอและตรงตามความตั้งใจของคนที่ค้นหา เพราะนั่นคือเป้าหมายในการขายสินค้านั่นเอง โดยในวันนี้จะมาแนะนำเครื่องสำหรับทำ SEO สำหรับมือใหม่ให้นำไปศึกษาและลงมือทำ เพื่อสร้างโอกาสในการค้นหาจาก Search Engine มากยิ่งขึ้น

Google Keyword Planner

หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยม หากคุณยังมั่นใจว่า Google คือ Search Engine ที่ดีที่สุด ดังนั้นการใช้ Google Keyword Planner จึงเป็นทางเลือกลำดับต้น ๆ ในการเลือกใช้งาน เพราะอย่างน้อยคุณจะได้เรียนรู้ถึงวิธีคิดและการค้นหาของ Ai จาก Google

Google Trends

เป็นเครื่องมือที่สำคัญมาก เพราะสามารถที่จะบอกให้คุณได้รู้ว่า ณ ปัจจุบัน มีการค้นหาคำใดมากที่สุดหรือเหตุการณ์ใด รวมถึงเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะสามารถที่จะแยกดูแต่ละประเทศแต่ละช่วงเวลาได้ อย่าลืมว่าสิ่งใดที่ได้รับความสนใจจากต่างประเทศ ย่อมได้รับความสนใจในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

Alexa Traffic Rank

เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดคุณภาพของเว็บไซต์ ซึ่งจะเป็นการวัดจากข้อกำหนดของ Alexa Traffic Rank เอง มิใช่จาก Google แต่สามารถที่จะนำข้อมูลและอันดับที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อนำไปปรับปรุงและแก้ไขพัฒนาเว็บไซต์ให้สามารถอยู่ในอันดับที่ดีขึ้นจาก google ได้

Yoast SEO

เป็น ปลั๊กอิน ที่เป็นมิตรกับ Google ที่ช่วยในด้านการปรับแต่ง SEO ให้สามารถติดอันดับจากการจัดอันดับของ Google ได้ ซึ่งจะเป็นการทำเช็คลิสให้ตรงตามข้อกำหนดของ Google จากนั้นจะมีการตรวจสอบและแจ้งผลให้เจ้าของเว็บได้รับรู้ว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั้น ดีแล้วหรือยัง ถ้ายังจะต้องทำอะไรเพิ่ม โดยการตรวจจับอาจเป็นปริมาณการเข้าออกเว็บไซต์

Keyword Too.io

เชื่อว่าในช่วงหลัง ๆ หากใครสังเกตเกี่ยวกับคำค้นหา เวลาที่ต้องพิมพ์ข้อความลงไปใน google search จะพบคำต่าง ๆ ผุดขึ้นมาจำนวนมาก นั่นเพราะเกิดจาก AI ของทาง Google เองที่ช่วยในการประมวลผลคำและค้นหาให้ แต่ด้วยปัจจุบันคำค้นหาดังกล่าวมีลักษณะที่เปลี่ยนไป นั่นคือ ยาวขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น keyword tool.io จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยค้นหา keyword ที่เป็นคำยาว ๆ เพื่อนำมาทำ SEO ได้

นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ SEO อื่น ๆ ที่น่าสน มีทั้งใช้ฟรีและเสียเงินจำนวนมากที่มือใหม่สามารถหยิบยกมาใช้งานได้อย่างเสรี แต่สิ่งหนึ่งทำควรจำและควรทำนั่นคือ การสร้างเว็บไซต์ เพจ ให้มีคุณภาพสามารถที่จะใช้เป็นการอ้างอิงให้แกธุรกิจหรือบทความอื่น ๆ ได้ ไม่มีการ copy หรือนำรูปภาพที่เป็นลิขสิทธิ์มาใช้งาน เพราะนั่นหมายถึงการละเมิดกฎเกณฑ์ของการทำเว็บไซต์ที่ดีและอาจนำมาซึ่งปัญหาในอนาคตได้

เหตุผลที่ธุรกิจ ต้องให้ความสำคัญกับ SEO

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้สื่อออนไลน์หรือ Social Media มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะทั้งการทำงานหรือเพื่ออำนวยความสะดวกผู้คนก็จะหันไปเพิ่งเทคโนโลยี แอปพลิเคชัน หรือสื่อสังคมออนไลน์ก่อนเป็นอย่างแรก นี่จึงเป็นเหตุผลที่คนทำธุรกิจต้องให้ความสำคัญต่อการทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงแบรนด์ของธุรกิจให้ง่ายและเร็วที่สุด โดยเครื่องมือสำคัญที่ใช้คือ SEO ที่วันนี้จะมาบอกให้รู้ว่าเพราะอะไรธุรกิจจึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

SEO (Search Engine Optimization) คือการบริหารจัดการหน้าเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสม ดึงดูดและติดอันดับต้น ๆ ของการค้นหาในแถบเครื่องมือค้นหาอย่าง Google เนื่องจากทุกวันนี้ใครต้องการจะค้นหาอะไรก็จะเข้าไปค้นหาใน Google กันทั้งนั้น โดยธุรกิจจะต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ในหลาย ๆ ส่วนเพื่อให้หน้าเว็บไซต์ของธุรกิจถูกผู้บริโภคค้นหาเจอเป็นอันดับต้น ๆ โดยเหตุผลที่ธุรกิจจำเป็นต้องใส่ใจการทำ SEO คือ

  1. ช่วยให้ผู้บริโภคค้นเจอเว็บไซต์ของธุรกิจได้มากขึ้น กล่าวคือหากธุรกิจรู้จักใช้เทคนิคในการทำ SEO ให้มีคุณภาพก็จะเป็นโอกาสให้หน้าเว็บไซต์ถูกค้นเจอจาก Google ได้ง่าย โดยเทคนิคที่ง่ายที่สุดคือบนหน้าเว็บไซต์จะต้องมีคีย์เวิร์ดที่มีคนใช้ค้นหากันมาก ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้เห็นหน้าเว็บไซต์ของธุรกิจก่อนเป็นอันดับแรก
  2. ช่วยให้ธุรกิจนำหน้าคู่แข่ง หมายความว่า SEO ที่มีคุณภาพมีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคได้ใช้เวลาอยู่กับเว็บไซต์ของธุรกิจได้นานขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบเว็บไซต์ธุรกิจให้ดึงดูดและน่าสนใจ รวมไปถึงสร้างให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับกิจกรรมบนหน้าเว็บไซต์ได้นานที่สุด ก็จะเป็นโอกาสให้ผู้บริโภครู้จักธุรกิจของเรามากขึ้นและแพร่กระจายต่อในวงกว้างบนสื่อออนไลน์ได้ไม่ยาก
  3. ช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ โดยการทำ SEO คือกำหนดเป้าหมายให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารและตัวตนของธุรกิจบนโลกออนไลน์โดยหลังจากที่ธุรกิจถูกค้นเจอแล้ว เมื่อผู้บริโภคคลิกเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ที่ธุรกิจมีการออกแบบให้สวยงาม ดึงดูด ไปจนถึงมีคอนเทนต์คุณภาพที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคจะเป็นการสร้างการจดจำในใจให้ผู้บริโภคได้รู้จักกับแบรนด์ของธุรกิจได้เป็นอย่างดี
  4. ช่วยสร้างความสำเร็จให้ธุรกิจแบบยั่งยืน โดยเมื่อ SEO มีประสิทธิภาพก็จะทำให้มีผู้บริโภคมากหน้าหลายตาได้เข้ามาสัมผัสกับหน้าเว็บไซต์หรือเพจร้านค้าอย่างสม่ำเสมอ ผลลัพธ์ที่ได้คืออัลกอริทึมของ Google จะจัดลำดับเว็บไซต์ของธุรกิจให้อยู่ในอันดับต้น ๆ ที่สามารถค้นหาเจอได้ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำโฆษณาแบบออฟไลน์อย่างเห็นได้ชัด นั่นหมายถึง SEO ช่วยทำให้ธุรกิจมีตัวตนบนโลกออนไลน์อย่างยั่งยืน
  5. ช่วยประหยัดงบประมาณในการทำการตลาดของธุรกิจได้มาก เพราะแน่นอนว่าการทำธุรกิจต้องมีการทำโฆษณาซึ่งการทำ SEO อย่างมีคุณภาพมีส่วนช่วยด้านการทำการตลาดออนไลน์ได้มาก เพราะธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้มากกว่าการทำโฆษณาแบบออฟไลน์ ซึ่งหากกลัวว่าการทำการตลาดออนไลน์ด้วยตัวเองจะมีประสิทธิภาพไม่มากพอก็สามารถใช้บริการ Agency ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ช่วยได้ แม้ค่าใช้จ่ายจะสูงแต่คุ้มค่ากว่ามากที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น

การใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากกับธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เพราะผู้บริโภคจะเข้าถึงแบรนด์ของธุรกิจได้รวดเร็วกว่าในอดีตมาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าเพราะอะไรธุรกิจจึงต้องให้ความสำคัญต่อการทำ SEO นั่นก็เพราะว่าบนโลกออนไลน์ไม่มีจุดสิ้นสุดซึ่งจะเป็นโอกาสให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเติบโตอย่างยั่งยืน

7 สายงาน Online Marketing ที่โลกออนไลน์ต้องการ

“อินเทอร์เน็ต” เครือข่ายที่มีความจำเป็นต่อการศึกษา การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้สายงานที่มีความเกี่ยวข้องกับ Online Marketing หรือการตลาดออนไลน์เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น โดยประโยชน์ในการทำการตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย Online Marketing แต่ยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก Online Marketing เป็นการทำการตลาดด้วยการนำข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายมาสร้างเป็น Content แบบที่กลุ่มเป้าหมายต้องการและส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ทำให้สายงาน Online Marketing จึงเป็นสายงานที่ตลาดแรงงานต้องการ

7 สายงาน Online Marketing ที่โลกออนไลน์ต้องการ

  1. Digital Marketing เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนกลยุทธ์การใช้งาน Social media และสื่อออนไลน์อื่น ๆ เป็นหลัก โดยคุณสมบัติของผู้ทำงานควรมีความรู้เรื่องการลงโฆษณา (Ads), ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Search Engine Optimization (SEO), Google Analytics และควรมีความรู้เชิงลึกใน Social media
  2. Content Creator เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนคอนเทนต์ ผลิตคอนเทนต์ และเผยแพร่คอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ บทความหรือ infographic โดยต้องมีความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมด้วย
  3. Content Writer ตำแหน่งงานที่ต้องทำงานร่วมกับ Content Creator โดยมีหน้าที่หลักในการผลิตงานเขียนที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น การเขียน Caption, การเขียนคำโฆษณา หรือการเขียนบทความให้ความรู้ เป็นต้น เพื่อสร้างปริมาณการเข้าถึง Social media หรือ Website อย่างมีคุณภาพ 
  4. Graphic Designer สำหรับงานด้านกราฟิกเป็นงานที่ได้รับความสนใจจาก Digital Marketing มาเป็นเวลานาน เนื่องจากเป็นงานที่ช่วยให้การสร้างสรรค์เนื้อหามีความน่าสนใจมากขึ้น
  5. Data Analytics สายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อส่งต่อให้ สายงาน Online Marketing ที่เกี่ยวข้องนำไปต่อยอดและใช้ในการขยายโอกาสทางธุรกิจต่อไป โดยส่วนใหญ่จะต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการหาข้อมูลธุรกิจเชิงลึก
  6. SEO Specialist ตำแหน่งงานที่มีความรู้เกี่ยวกับการทำ Search Engine Optimization (SEO) ในระดับเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาช่องการ Social media หรือ Website ติดอันดับบนหน้าแรกของ Search Engine ซึ่งช่วยขยายโอกาสทางธุรกิจไปยังกลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจ โดยทำงานร่วมกับ Content Creator, Content Writer, Data Analytics และตำแหน่ง Online Marketing อื่น ๆ
  7. Website Designer ตำแหน่งออกแบบเว็บไซต์เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญในการจัดวางโครงสร้างของเว็บไซต์ให้สะดวกและตอบโจทย์การใช้งาน รวมถึงสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลัก SEO ซึ่งให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับ 

สำหรับผู้ที่สนใจอยากเริ่มต้นทำงานในวงการ Online Marketing ควรศึกษาเกี่ยวกับการทำ SEO เบื้องต้น เพราะทุกสายงานใน Online Marketing มักต้องทำงานเกี่ยวข้องกับการทำ SEO ทั้งสิ้น ซึ่งนอกจากสายงานทั้ง 7 อาชีพที่แนะนำข้างต้น ยังมีสายงานเกี่ยวกับ Online Marketing อีกมากมายที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในไทยและต่างประเทศ

การศึกษาและการเรียนรู้ก็เป็นอีกแนวหนึ่งทางที่จะช่วยให้เราได้เข้าใจถึงการบริการรับลงโฆษณาและเหตุผลสำคัญว่าทำไมการโปรโมทเว็บหรือเฟสบุ๊คแฟนเพจถึงมีความสำคัญสำหรับธุรกิจในยุคสมัยนี้ ที่จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวม และยังช่วยให้ตัดสินใจเดินหน้าต่อ เพื่อความก้าวหน้าของธุรกิจ

1. งบประมาณน้อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้เกินคาด : เงินลงทุนคือสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องวางแผนจัดระเบียบให้ถูกวิธี รวมถึงการเข้าร่วมโฆษณาตลาดออนไลน์ด้วย ถ้าหากเทียบกับการลงสื่ออื่นๆ เช่น หนังสือพิมพ์แล้ว ในการใช้บริการรับโปรโมทเว็บผ่านสื่อเฟสบุ๊คนั้นจะมีการลงทุนที่ใช้เงินทุนน้อยกว่า เพราะว่าผู้คนในสมัยนี้ใช้เวลาอยู่โลกออนไลน์เป็นหลัก

2 .เข้าถึงง่ายครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย : เว็บไซต์และเฟสบุ๊คในยุคสมัยนี้สามารถเชื่อมต่อและเข้าถึงกันได้ง่าย เป็นสื่อทรงอิทธิพลที่มีผู้คนมากมายให้ความสนใจและล็อคอินเข้ามาเพื่อติดตามข่าวสารทุกวัน ทำให้เราสามารถบริหารจัดการและกระจายเกี่ยวกับธุรกิจให้ผู้คนสามารถรับรู้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม นับว่าเป็นการครอบคลุมเป้าหมายได้อย่างถูกหลัก

3. การดำเนินการที่ง่ายสะดวก : การใช้บริการรับลงโฆษณานั้นประหยัดเวลาและสะดวกรวดเร็ว แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ต้องไล่แจกโบรชัวร์ โปรโมทผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ หรือแปะป้ายโฆษณาตามทางเดิน เป็นต้น นอกจากจะขายของได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังสามารถอัปเดตข้อมูลได้ด้วยตนเอง ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีทั้งเราและลูกค้าที่เข้ามารับชมบนหน้าเว็บ

4.เห็นผลรวดเร็ว : การทำตลาดออนไลน์และ Backlink สายเทา สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อผ่านโลกอินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมาก ทำให้สิ่งที่เราต้องการขายและนำเสนอนั้นเข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน อีกทั้งยังสามารถรับลงโฆษณาได้และกำหนดจำนวนได้ด้วย โดยกลุ่มเป้าหมายและมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก

5. เพิ่มลูกค้าได้อย่างยั่งยืน : เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก ช่วยให้ผู้คนสามารถค้นหาและติดตามธุรกิจของเราได้ตามที่ต้องการ เต็มไปด้วยความสะดวกสบายมีคุณภาพ โดยการรับทำ Seo สายเทาเห็นผลได้จริงและมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจของเราเปิดเว็บแทงบอลออนไลน์ มีการแจกทีเด็ดฟรีและวิเคราะห์บอลให้ครบพร้อม เมื่อมีคนเสิร์ชคำว่า “ทีเด็ดบอล” หรือ “วิเคราะห์บอล” ใน Google แล้ว การทำ Seo จองเราจะช่วยผลักดันให้เว็บแทงบอลของเรานั้นขึ้นมาอยู่ที่หน้าแรกของการเสิร์ช ทำให้ธุรกิจของเรากลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของคนเสิร์ชเป็นอันดับต้นๆ

ความผิดพลาดที่ทำให้การทำ SEO ไม่เวิร์ค

องค์ความรู้หลัก ๆ ของการทำ SEO เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในวงการพัฒนารูปแบบเว็บไซต์รู้ไม่แตกต่างกัน สิ่งที่แตกต่างกันคือประสบการณ์และไอเดียใหม่ ๆ ที่ใส่ลงไปในการทำงาน และคำว่าประสบการณ์นี่เองที่ทำให้คนทำ SEO มือเก่าที่ผ่านความผิดพลาดมาก่อนได้เปรียบคนทำ SEO มือใหม่ที่ยังผ่านงานมาน้อย แต่สิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับมือใหม่ หากคนที่สนใจการทำ SEO เข้าใจว่าอะไรบ้างที่เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในการทำ SEO

ความผิดพลาดที่ทำให้การทำ SEO ไม่เวิร์ค มีดังนี้

1. ไม่รู้จักกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ

ข้อผิดพลาดที่คนทำ SEO มักจะพลาดกันอยู่เสมอ คือ ความไม่เข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายจนทำให้กำหนดคีย์เวิร์ดและรูปแบบคอนเทนต์ผิดพลาด ซึ่งเรื่องนี้เป็นหัวใจหลักที่ทาง Google ให้ค่าคะแนนในการจัดอันดับสูงเป็นลำดับต้น ๆ

2. บทความไร้คุณภาพเกินไป

การมุ่งเน้นการสร้างคอนเทนต์โดยให้ความสำคัญกับจำนวนและความถี่จนลืมเรื่องคุณภาพที่ดีของคอนเทนต์ คือข้อผิดพลาดที่สองที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ การนำงานเขียนใด ๆ มาคัดลอกหรือดัดแปลงเพียงเล็กน้อยมานำเสนอ จะถูกระบบอ่านว่านี่คือการก๊อบปี้ อันมีผลทำให้คะแนนการจัดอันดับการแสดงผลลดลง

3. เว็บไซต์ยุ่งเหยิงเกินไป

บางเว็บไซต์พยายามใส่อะไรลงไป เพื่อให้ดูมีเนื้อหา ทั้งรูปภาพจำนวนมากที่ไม่เกี่ยวข้องหรือบทความที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้เข้าชม สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เว็บไซต์ดังกล่าวดูสับสนในสายตาของผู้เข้าเยี่ยมชม จนสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้เกิดขึ้น ผลที่ตามมาคือการเข้าชมไม่มีประสิทธิภาพ ขาดความต่อเนื่อง

4.ทำ ๆ หยุด ๆ

หลายครั้งที่การทำ SEO ได้ผลที่ดีจนเว็บไซต์สามารถขึ้นไปติดอันดับการแสดงผลหน้าแรก ๆ ของกูเกิ้ลได้สำเร็จ แต่ด้วยความผิดพลาดที่ไม่สานต่อการพัฒนาเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง เกิดการทิ้งช่วงของการทำ SEO ในเว็บไซต์ดังกล่าว สุดท้ายก็จะถูกเว็บไซต์อื่นที่ยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุด แซงขึ้นมาจนอันดับการแสดงผลเว็บไซต์ของเราตกลงไปเรื่อย ๆ

5. ไม่กำหนดเป้าหมายการทำ SEO ตั้งแต่แรก

ทุกคนทราบดีว่าการทำ SEO คือการทำให้เว็บไซต์ของเราถูกจัดอันดับการแสดงผลในหน้าแรกของ Google แต่การตั้งเป้าหมายแบบลอย ๆ เช่นนี้ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้เช่นกัน เช่น การไม่ระบุผลลัพธ์ที่ต้องการอย่างแท้จริงว่าเป็นคำสั่งซื้อหรือแค่การพบเห็นเท่านั้น เมื่อทำ SEO ไปได้สักระยะจึงพบว่าเว็บไซต์ถูกแสดงผลในหน้าแรกตามที่ต้องการก็จริง แต่ไม่เกิดผลลัพธ์ตามที่องค์กรต้องการตามมาเลย ซึ่งนั่นเท่ากับเราเดินไปข้างหน้า แต่เราเดินไปผิดทางมาตลอด

ความผิดพลาดในการทำ SEO เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในทุกเว็บไซต์ หากเราหมั่นตรวจสอบด้วยความละเอียดรอบคอบอยู่เสมอ ข้อผิดพลาดเหล่านี้ก็จะลดน้อยลง การทำ SEO ของเราก็จะมีโอกาสทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ตามต้องการ