ความหมายของ SEO พร้อมวิธีทำให้เว็บติดหน้าแรก
ความหมายของ SEO พร้อมวิธีทำให้เว็บติดหน้าแรก

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization มันคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการทำให้เว็บไซต์ของคุณน่าสนใจสำหรับทั้งเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้ ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกของ Google

การวิจัยคำหลัก: ระบุคำที่ผู้คนใช้เพื่อค้นหาสิ่งที่คุณนำเสนอ เครื่องมือเช่นเครื่องมือวางแผนคำหลักของ Google สามารถช่วยให้คุณค้นพบปริมาณการค้นหาและการแข่งขันสำหรับคำหลักต่างๆ กำหนดเป้าหมายผสมระหว่างคำหลักที่มีความเกี่ยวข้องสูงและคำหลักหางยาว (วลีที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น)

เนื้อหาคือราชา: สร้างเนื้อหาข้อมูลคุณภาพสูงที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายของคุณ มุ่งเน้นไปที่บทความเชิงลึก วิดีโอที่น่าสนใจ หรืออินโฟกราฟิกที่ให้ข้อมูล

ปรับให้เหมาะสมสำหรับเครื่องมือค้นหา: รวมคำหลักเป้าหมายของคุณในแท็กชื่อเรื่องของเว็บไซต์ คำอธิบายเมตา และทั่วทั้งเนื้อหา แต่โดยธรรมชาติแล้วจะไม่บังคับ

ลิงก์ย้อนกลับ: ลิงก์ย้อนกลับคือการอ้างอิงจากเว็บไซต์อื่นถึงคุณเป็นหลัก Google มองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณของความไว้วางใจและอำนาจ การรับลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์คุณภาพสูงสามารถช่วยเพิ่มอันดับของคุณได้อย่างมาก

SEO ทางเทคนิค: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณเหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ โหลดได้เร็ว และมีโครงสร้างที่สะอาดและจัดระเบียบอย่างดี สิ่งนี้ไม่เพียงปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ แต่ยังช่วยให้เครื่องมือค้นหารวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX): มุ่งเน้นที่การทำให้เว็บไซต์ของคุณใช้งานง่ายและดึงดูดสายตา ผู้คนควรจะสามารถค้นหาสิ่งที่พวกเขากำลังมองหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสบการณ์ที่ดีบนไซต์ของคุณ

ไม่มีสูตรสำเร็จในการจัดอันดับในหน้าแรก แต่การปฏิบัติตามกลยุทธ์เหล่านี้และสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นหาได้

หน้าที่เฉพาะของผู้เชี่ยวชาญ SEO อาจรวมถึง

ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO (Search Engine Optimization) มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงการมองเห็นเว็บไซต์และการจัดอันดับในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) หน้าที่เฉพาะของผู้เชี่ยวชาญ SEO อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับองค์กรและความซับซ้อนของกลยุทธ์ SEO แต่ความรับผิดชอบและงานทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับบทบาทนี้มีดังนี้

หน้าที่เฉพาะของผู้เชี่ยวชาญ SEO อาจรวมถึง

1.การวิจัยคำหลัก ดำเนินการวิจัยคำหลักอย่างละเอียดเพื่อระบุคำหลักและวลีที่เกี่ยวข้องซึ่งผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามีแนวโน้มที่จะใช้เมื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ บริการ หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์

2.การเพิ่มประสิทธิภาพบนเพจ การเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์เพื่อให้เกี่ยวข้องกับเครื่องมือค้นหามากขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงการใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งเว็บไซต์ การสร้างเนื้อหาคุณภาพสูง และปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ของเว็บไซต์

3.การเพิ่มประสิทธิภาพนอกเพจ การสร้างลิงก์ย้อนกลับไปยังเว็บไซต์จากเว็บไซต์คุณภาพสูงอื่นๆ ลิงก์ย้อนกลับเป็นสัญญาณไปยังเครื่องมือค้นหาว่าเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือและเชื่อถือได้

4.เทคนิค SEO ปรับการกำหนดค่าทางเทคนิคของเว็บไซต์ให้เหมาะสมเพื่อให้เครื่องมือค้นหารวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงสิ่งต่างๆ เช่น การปรับปรุงความเร็วในการโหลดของเว็บไซต์ และการแก้ไขลิงก์ที่เสียหาย

5.การวิเคราะห์ SEO การติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในผลการค้นหา ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อระบุพื้นที่ที่สามารถปรับปรุงเว็บไซต์ได้ และเพื่อวัดความสำเร็จของแคมเปญ SEO

6.ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO อาจทำงานร่วมกับแผนกอื่นๆ ภายในบริษัท เช่น การตลาดและการขาย เพื่อพัฒนาและใช้กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลโดยรวม

SEO เป็นสาขาที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่เป็นส่วนสำคัญของธุรกิจออนไลน์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ปรับปรุงการมองเห็นในผลการค้นหาและเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้มากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ต้องการการผสมผสานระหว่างความรู้ทางเทคนิค ทักษะการวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการปรับตัวเพื่อให้เป็นเลิศในบทบาทของตน เป้าหมายสูงสุดของพวกเขาคือการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ ปรับปรุงอันดับของเครื่องมือค้นหา และมีส่วนทำให้ปรากฏออนไลน์โดยรวมและความสำเร็จขององค์กร

seo จำเป็นต่อหน่วยงานไหน

SEO เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรใดๆ ที่ต้องการพบออนไลน์ ซึ่งรวมถึงธุรกิจทุกขนาด องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร หน่วยงานภาครัฐ และสถาบันการศึกษา

ประโยชน์ของ SEO สำหรับองค์กรต่างๆ

1.การมองเห็นที่เพิ่มขึ้น SEO สามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหา ซึ่งหมายความว่าผู้คนจะเห็นมากขึ้น

2.การเข้าชมเพิ่มขึ้น เมื่อเว็บไซต์ของคุณปรากฏให้เห็นมากขึ้น คุณจะได้รับการเข้าชมมากขึ้น ซึ่งหมายถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า ลูกค้า หรือผู้เยี่ยมชมมากขึ้น

3.โอกาสในการขายที่ดีขึ้น SEO สามารถช่วยให้คุณสร้างโอกาสในการขายได้มากขึ้นโดยการดึงดูดผู้คนที่สนใจสิ่งที่คุณนำเสนอ

4.ยอดขายที่เพิ่มขึ้น SEO สามารถช่วยให้คุณเพิ่มยอดขายได้โดยการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ และเปลี่ยนปริมาณการเข้าชมนั้นให้เป็นลูกค้า

5.ปรับปรุงชื่อเสียงของแบรนด์ SEO สามารถช่วยคุณปรับปรุงชื่อเสียงของแบรนด์โดยทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏให้เห็นและน่าเชื่อถือมากขึ้น

6.คุ้มค่า SEO เป็นวิธีประหยัดต้นทุนในการทำการตลาดองค์กรของคุณ คุณสามารถทำเองหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ได้ แต่โดยทั่วไปจะมีราคาถูกกว่าการตลาดรูปแบบอื่นๆ เช่น การโฆษณา มาก

SEO เป็นสาขาที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการประสบความสำเร็จทางออนไลน์ หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน มีแหล่งข้อมูลมากมายที่พร้อมช่วยเหลือคุณ เช่น บทช่วยสอนออนไลน์ หนังสือ และหลักสูตรต่างๆ

องค์กรที่สามารถได้รับประโยชน์จาก SEO

1.ธุรกิจในท้องถิ่น SEO สามารถช่วยให้ธุรกิจในท้องถิ่นดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นโดยการจัดอันดับเว็บไซต์ให้สูงขึ้นในผลการค้นหาในท้องถิ่น

2.ธุรกิจออนไลน์ SEO สามารถช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นจากทั่วทุกมุมโลกโดยการจัดอันดับเว็บไซต์ให้สูงขึ้นในผลการค้นหาทั่วไป

3.องค์กรไม่แสวงผลกำไร SEO สามารถช่วยให้องค์กรไม่แสวงผลกำไรหาเงินได้มากขึ้นโดยทำให้ผู้มีโอกาสบริจาคมองเห็นเว็บไซต์ของตนได้มากขึ้น

4.หน่วยงานภาครัฐ SEO สามารถช่วยให้หน่วยงานของรัฐเชื่อมต่อกับพลเมืองได้มากขึ้นโดยทำให้เว็บไซต์ของตนปรากฏในผลการค้นหามากขึ้น

5.สถาบันการศึกษา SEO สามารถช่วยให้สถาบันการศึกษาดึงดูดนักเรียนได้มากขึ้นโดยทำให้เว็บไซต์ของพวกเขาปรากฏในผลการค้นหามากขึ้น

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในองค์กรประเภทใดก็ตาม SEO สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้ หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน ฉันแนะนำให้ค้นคว้าข้อมูลเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ SEO และประโยชน์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรของคุณ

หลักการการทำ seo ให้ถูกต้อง

เมื่อพูดถึงการทำ SEO (Search Engine Optimization) อย่างถูกต้อง มีหลักการหลายประการที่คุณควรคำนึงถึงเพื่อปรับปรุงการเปิดเผยเว็บไซต์ของคุณและการจัดอันดับทั่วไป ดังต่อไปนี้

1.เนื้อหาที่มีคุณภาพ

 สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง มีความเกี่ยวข้อง และมีคุณค่าสำหรับกลุ่มเป้าหมายของคุณ ซึ่งรวมถึงบทความที่เขียนอย่างดี บล็อกโพสต์ วิดีโอ อินโฟกราฟิก และรูปแบบอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และดึงดูดผู้เยี่ยมชมของคุณ

2.การวิจัยคำหลัก

 ทำการวิจัยคำหลักอย่างละเอียดเพื่อระบุคำและวลีที่กลุ่มเป้าหมายของคุณกำลังค้นหา ใช้คำหลักเหล่านี้อย่างมีกลยุทธ์ในเนื้อหา ชื่อ หัวเรื่อง เมตาแท็ก และ URL

3.การเพิ่มประสิทธิภาพในหน้า

เพิ่มประสิทธิภาพหน้าเว็บของคุณโดยรวมคำหลักที่เกี่ยวข้องในเมตาแท็ก หัวเรื่อง และเนื้อหาของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณใช้งานง่ายและนำทางได้ง่าย ปรับปรุงความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ การตอบสนองบนมือถือ และประสบการณ์โดยรวมของผู้ใช้

4.SEO ทางเทคนิค

 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับการปรับให้เหมาะสมทางเทคนิคสำหรับเครื่องมือค้นหา ซึ่งรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถในการรวบรวมข้อมูลของเว็บไซต์ โครงสร้าง URL แผนผังเว็บไซต์ ไฟล์ robots.txt และการใช้มาร์กอัปข้อมูลที่มีโครงสร้างสำหรับตัวอย่างข้อมูลสื่อสมบูรณ์

5.การสร้างลิงก์

 สร้างลิงก์ย้อนกลับที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพสูงไปยังเว็บไซต์ของคุณ มุ่งเน้นไปที่การได้รับลิงก์จากแหล่งข้อมูลที่มีชื่อเสียงซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหรือเฉพาะกลุ่มของคุณ หลีกเลี่ยงการปฏิบัติแบบหมวกดำ เช่น การซื้อลิงก์หรือการเข้าร่วมในรูปแบบลิงก์ เนื่องจากอาจนำไปสู่การลงโทษได้

6.ประสบการณ์ผู้ใช้

 จัดลำดับความสำคัญของประสบการณ์ผู้ใช้เพื่อปรับปรุงการมีส่วนร่วมและลดอัตราตีกลับ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณใช้งานง่าย ดึงดูดสายตา และโหลดได้อย่างรวดเร็วในอุปกรณ์และเบราว์เซอร์ต่างๆ

7.สัญญาณโซเชียล

 ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อขยายเนื้อหาของคุณและเพิ่มการมองเห็นแบรนด์ของคุณ สนับสนุนการแบ่งปันและการมีส่วนร่วมทางสังคมเพื่อสร้างสัญญาณทางสังคม ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหาของคุณ

8.SEO ในท้องถิ่น (ถ้ามี)

หากคุณมีธุรกิจในท้องถิ่น ให้เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณสำหรับการค้นหาในท้องถิ่น อ้างสิทธิ์และเพิ่มประสิทธิภาพรายชื่อ Google My Business ของคุณ ใส่คำหลักในท้องถิ่นในเนื้อหาของคุณ และสนับสนุนการรีวิวจากลูกค้า

9.การวิเคราะห์และการตรวจสอบ

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ เช่น Google Analytics เพื่อติดตามประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ พฤติกรรมผู้ใช้ และการจัดอันดับคำหลัก ตรวจสอบและวิเคราะห์เมตริกเหล่านี้เป็นประจำเพื่อระบุจุดที่ต้องปรับปรุง

10.อัปเดตอยู่เสมอ

ติดตามเทรนด์ SEO ล่าสุด การอัปเดตอัลกอริทึม และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด SEO เป็นฟิลด์แบบไดนามิก และสิ่งที่ใช้ได้ผลในวันนี้อาจใช้ไม่ได้ในวันพรุ่งนี้ มีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและปรับกลยุทธ์ของคุณให้เหมาะสม

โปรดจำไว้ว่า SEO เป็นกระบวนการระยะยาวที่ต้องใช้ความพยายามและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือต้องมุ่งเน้นไปที่การให้คุณค่าแก่ผู้ชมของคุณในขณะที่ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติด้านจริยธรรมที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของเครื่องมือค้นหา

เปิด 3 เปิดเหตุผล ทำไม SEO จึงสำคัญต่อธุรกิจของคุณ

ปัจจุบันโลกของเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงทุกคนได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าการแข่งขันในโลกธุรกิจจึงมากขึ้นตามไปด้วย เพียงแค่คุณต้องการจะหาซื้อสินค้า อาหาร หรือของใช้ต่าง ๆ เพียงแค่คลิกเดียวก็สามารถเลือกสรรได้ตามต้องการ ดังนั้นในโลกของนักธุรกิจ จึงต้องการช่วงชิงตำแหน่งของการที่ลูกค้าจะมองเห็นได้ง่ายและเร็วที่สุด เพื่อเปิดโอกาสให้กับธุรกิจของตนเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือวิธีการทำ SEO นั่นเอง แล้วการทำ SEO คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจของคุณ วันนี้มีคำตอบมาฝากกัน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าบริษัทต่าง ๆ หรือคนทำธุรกิจ มักใช้ SEO เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนเข้าถึงเว็บไซต์ของเรามากขึ้น โดย SEO ย่อมาจาก Search Engine optimization คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับการทำงานของ Search Engine ซึ่งเป้าหมายของการทำ SEO คือ ทำให้เว็บไซต์ของคุณ ปรากฏในลำดับต้น ๆ ของผลการค้นหา ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่าการปรับแต่งโปรแกรมค้นหา สามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้มากกว่าวิธีการทางการตลาดและการโฆษณาอื่น ๆ อีกด้วย นั่นจึงเป็นคำตอบว่าทำไมการทำ SEO จึงสำคัญต่อการทำธุรกิจ

  1. SEO เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์

การจัดอันดับที่ดีของเว็บไซต์ คาดว่าจะนำไปสู่การเข้าชมเว็บที่เพิ่มขึ้น การทำ SEO ยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นกลยุทธ์การตลาด ที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ สามารถสร้างการเข้าชมได้มากกว่าการตลาดรูปแบบอื่นทั้งหมดรวมกัน

  1. SEO เพิ่มความน่าเชื่อถือ 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับสูงในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา หมายความว่าเว็บไซต์ของคุณมีแนวโน้มว่ามีคุณภาพสูงและมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีเลยทีเดียว

  1. SEO ช่วยกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมได้

การใช้ SEO เป็นกลยุทธ์ที่มีแนวโน้มว่ากลุ่มลูกค้าจะเข้าถึงธุรกิจของคุณได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งการกำหนดคำหลักเฉพาะโดยใช้ SEO เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและดึงดูดลูกค้าในอนาคตได้เป็นอย่างดี เช่น หากคุณเปิดขายเสื้อผ้าของผู้หญิง และใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องกับกระโปรง หรือเสื้อยืด ก็มีแนวโน้มว่า คุณจะได้รับจำนวนผู้ชมที่เข้ามาชมเว็บไซต์เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้อีกด้วย

การใช้ SEO มาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการทำธุรกิจ นอกจากจะทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้อย่างดีแล้ว ยังมีแนวโน้มสูงที่ลูกค้าจะกลับมาที่เว็บไซต์ของคุณเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ แล้วซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอีกครั้ง ดังนั้นการเลือกกลยุทธ์ SEO ที่เหมาะสมจะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโต และสามารถกำหนดเป้าหมายลูกค้าของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฟรี! เครื่องมือ SEO ที่มือใหม่ไม่ควรพลาด

การทำ SEO คือ การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับหน้าค้นหาของ Search Engine โดยเฉพาะ Google ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก ซึ่งทาง Google เองได้มีการกำหนด กฎเกณฑ์ สำหรับการจัดอันดับเว็บไซต์ ดังนั้น คนทำเว็บควรทำการปรับปรุงและพัฒนาให้เว็บไซต์ของตนเองมีคุณภาพและถูกต้องตามกฎของ Search Engine อยู่เสมอ โดยในวันนี้จะมาแนะนำเครื่องมือในการทำ SEO ฟรี สำหรับมือใหม่ให้นำไปใช้กัน

  1. WordPress

เป็นหนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมในการทำเว็บไซต์ โดยเฉพาะมือใหม่เพราะใช้งานง่ายและมีปลั๊กอินและธีมให้เลือกใช้งานทั้งแบบจ่ายเงินและฟรีจำนวนมาก ถึงขนาดที่ google เองยังมีทีมพัฒนาเพื่อตรวจสอบว่า WordPress อัปเดตและปล่อยอะไรใหม่ ๆ ออกมาบ้าง

  1. Yoast SEO

Yoast SEO เป็นปลั๊กอินฟรีจาก WordPress ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการพัฒนาเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามหลัก SEO เพราะทุกข้อมูลที่ทำในเว็บไซต์จะมีการแจ้งเตือนถึงความเหมาะสม ผ่านหรือไม่ผ่าน เพื่อที่คนพัฒนาเว็บจะได้ปรับปรุงแก้ไข ตลอดจนการแนะนำ Keyword ที่เหมาะสมกับบทความที่ลงไว้อีกด้วย

  1. Google My Business

เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับแจ้งเตือนคนในพื้นที่เวลาที่ต้องการค้นหาธุรกิจหรือสินค้าใดสินค้าหนึ่ง จะมีการแสดงผลร้านค้าของเราโผล่ขึ้นมาในหน้าค้นหาในทันที นอกจากนี้ยังสามารถปักหมุด ให้ลูกค้าได้รีวิวเมื่อแวะมาที่ร้านเราอีกด้วย

  1. Google Trends

Google Trends เป็นเครื่องมือที่ใช้ค้นหาว่าในแต่ละวันหรือช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา มีการค้นหาสินค้า บริการหรือสิ่งที่กำลังกล่าวถึงในปัจจุบัน เมื่อเรารู้จะได้นำข้อมูลดังกล่าวมาสร้างคอนเทนด์เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับค้นหาได้

  1. PageSpeed Insights

เครื่องมือตัวนี้ใช้สำหรับตรวจสอบหรือเช็คความเร็วของเว็บไซต์ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเว็บไซต์ของเรามีความเร็วในการโหลดและใช้งานรวดเร็วเพียงใด เพราะเป็นหนึ่งในกฎเกณฑ์ของการจัดอันดับหน้าเว็บไซต์ของ Google ด้วย

  1. Screaming Frog

เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจและประเมินคุณสมบัติของเว็บไซต์ทั้งหมด เพื่อให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์ได้ทำการแก้ไข ปรับปรุงให้เว็บไซต์ของตนเองให้ดีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ในการใช้งานมีข้อจำกัดเพียงอย่างเดียวคือสามารถตรวจสอบได้ไม่เกิน 500 URLs ต่อเว็บเท่านั้น หากต้องการมากกว่านั้น จำเป็นที่จะต้องเสียเงิน

  1. Accuranker

อีกหนึ่งเครื่องมือที่ไม่ควรพลาดคือ Accuranker ที่ทำหน้าที่ในการ Tracking Keyword เพื่อใช้ดูอันดับคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเรา รวมการกราฟข้อมูลเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดที่ใช้งาน เพื่อให้มองเห็นถึงคุณภาพของ Keyword ที่นำมาใช้ จึงเหมาะสำหรับการนำ Keyword มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครื่องมือในการทำ SEO ที่มือใหม่ควรรู้และนำไปใช้งานในการพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ เพราะเป็นเครื่องมือที่มีให้ใช้งานฟรี แต่ถ้าต้องการความสามารถที่มากกว่าเดิมสามารถที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อความสามารถที่มากขึ้นเพื่อให้เว็บไซต์มีคุณภาพและช่วยให้ติดอันดับการค้นหาไปนาน ๆ 

ข้อผิดพลาดของการทำ SEO ที่ไม่ควรโผล่บนเว็บไซต์ของคุณ

การทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพไม่ควรเน้นไปแค่การเพิ่มปริมาณลิงก์หรือคีย์เวิร์ดให้มากเข้าไว้ โดยไม่สนใจคุณภาพของเนื้อหา เพราะการไม่พัฒนาคุณภาพงานเป็นจุดเรื่องต้นพื้นฐานของความล้มเหลวในการทำการตลาดออนไลน์ ยิ่งการทำ SEO บนเว็บไซต์ทางธุรกิจยิ่งต้องใส่ใจในรายละเอียดที่มากขึ้นไปอีก เพราะเว็บไซต์เหมือนเป็นสิ่งที่สะท้อนหน้าตาภาพลักษณ์ของแบรนด์ออกมาให้ลูกค้าเห็น โดยทั้ง 4 เรื่องต่อไปนี้ ไม่ควรเกิดขึ้นบนเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ

  1. การใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไปบนหน้าเพจ

บางคนอาจจะคิดว่ายิ่งมีคีย์เวิร์ดเยอะยิ่งดี และคงติดอันดับการเสิร์จได้เร็ว แต่ในความเป็นจริงการยัดเยียดคีย์เวิร์ดเข้าไปบนหน้าเพจเรียกว่า Keyword Stuffing เป็นสิ่งต้องห้ามในการจัดอันดับผลการค้นหาของ Google และส่งผลให้ไม่ติดอันดับการค้นหาในที่สุด ในทางปฏิบัติผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องเรียนรู้การใส่คีย์เวิร์ดที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ต้องการนำเสนออย่างเป็นธรรมชาติ มีความถี่ในการใส่ที่สม่ำเสมอ เพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีคุณภาพและมีโอกาสซื้อสินค้าและบริการเข้ามายังหน้าเพจของบริษัท

  1. ไม่มีการเปลี่ยนชื่อ URL Slug

URL Slug คือชื่อของ URL ของเว็บเพจที่อยู่ต่อด้านหลังชื่อเว็บไซต์ โดยชื่อของ Slug นี้สามารถให้ตัวเว็บไซต์สร้างขึ้นมาเองได้ แต่ปัญหาคือมักได้ชื่อที่มีลักษณะเป็นรหัสยาว ๆ มองดูแล้วไม่มีความเกี่ยวข้อกับเนื้อหา ลูกค้ามองมาไม่เข้าใจว่าเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร ดังนั้นควรมีการเปลี่ยนชื่อ Slug ของเว็บไซต์ให้เข้าใจง่าย กระชับ และทางที่ดีควรมีคีย์เวิร์ด SEO อยู่ในนั้นด้วย อีกเคล็ดลับที่น่าสนใจคือการเลือกใช้ URL เป็นภาษาอังกฤษ เพราะหลายครั้ง URL ภาษาไทย เมื่อถูกนำไปแชร์ต่อจะเพี้ยนกลายเป็นภาษาต่างดาว และทำให้คนไม่กล้ากดเข้ามาดูเว็บไซต์

  1. ใส่รูปขนาดใหญ่เกินไปและไม่มีชื่อรูป

การเลือกใช้รูปให้เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับเนื้อหานับเป็นสิ่งสำคัญ แต่หลายคนอาจจะคิดว่าการแปะรูปบนเว็บไซต์ ถ้ารูปมีขนาดใหญ่ยิ่งดี แต่ความจริงแล้วจะเป็นการทำให้หน้าเพจดูไม่สวยงาม และรบกวนการจัดหน้าข้อความให้ดูสบายตาอีกด้วย และถ้าพื้นที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์ไม่ใหญ่ อาจจะกินพื้นที่และใช้เวลาโหลดมากเกินไปโดยไม่จำเป็น  ดังนั้นการเลือกภาพมาประกอบบนเว็บไซต์ต้องมีขนาดพอดี รูปมีคุณภาพ และควรตั้งชื่อรูปเพื่อแสดงว่าภาพนี้ต้องการจะสื่ออะไร จะทำให้ส่งผลดีต่อการทำ SEO อย่างแน่นอน

  1. ไม่อัพเดทเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ

เนื้อหาที่สดใหม่และมีการพัฒนาให้ทันสมัยตลอดเวลาเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหาบนโลกออนไลน์ ดังนั้นการหมั่นพัฒนาเนื้อหาและเพิ่มข้อมูลใหม่ ๆ ให้ทันโลกและตอบโจทย์ความต้องการแนวใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาของลูกค้า เป็นสิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ดูน่าสนใจ และนับเป็นการก้าวนำคู่แข่งอยู่หนึ่งก้าว 

รายละเอียดการทำเว็บไซต์แค่จุดเล็ก ๆ สามารถส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ต่อผลการทำ SEO และยังมีผลต่อหน้าตาเว็บไซต์ในสายตาผู้ใช้งานอีกด้วย การใส่ใจและหมั่นพัฒนาเนื้อหาเป็นเรื่องคุ้มค่าที่ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องให้ความสำคัญ ดังนั้นเว็บไซต์ของใครยังมีทั้ง 4 ข้อที่เรานำเสนอไป ต้องหันกลับไปแก้ไข ก่อนจะถูกลดอันดับการเสิร์จไปโดยไม่รู้ตัว

คำถามที่ต้องตอบให้ได้ สำหรับทุกเว็บไซต์ที่กำลังทำ SEO

ทุกเว็บไซต์ที่ต้องการแข่งขันบนตลาดออนไลน์ให้สำเร็จในปัจจุบันต้องมีการเลือกใช้ SEO เพื่อพัฒนางานของตนเองอย่างแน่นอน เพราะการทำ SEO ให้ติดอันดับบนผลลัพธ์การค้นหาเป็นการผลักดันองค์กรได้อย่างมีรูปธรรม แถมยังใช้งบประมาณในการดำเนินการไม่สูง แต่ใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จ หลายคนทำ SEO มานาน แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการเสียที ลองมาตอบคำถามทั้ง 5 ข้อนี้ดูว่า SEO ที่คุณทำอยู่มีคุณภาพเพียงพอหรือไม่

  1. คุณทำรีเสิร์ชเรื่องคีย์เวิร์ดหรือยัง

คีย์เวิร์ดที่ใช้ในการทำ SEO เป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเลือกคำไม่ดีจะไม่สามารถดันยอดการค้นหาได้ตามที่ต้องการ SEO ที่ดีควรมีปริมาณการค้นหาพอเหมาะ เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการขาย อาจจะมีการใส่ตำแหน่งของร้านค้าเพื่อให้เข้าถึงผู้ค้นหาในระดับท้องถิ่น ควรมีคำที่เจาะกลุ่มตลาดที่ต้องการซื้อสินค้า ถ้าคำที่คุณใช้อยู่ไม่มีลักษณะดังต่อไปนี้ แปลว่าคุณอาจกำลังไปผิดทาง จึงไม่สามารถชนะคู่แข่งได้ซักที

  1. คอนเทนต์ของคุณมีคุณภาพพอไหม

คีย์เวิร์ดที่ดีต้องถูกนำมาบรรจุในคอนเทนต์ที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน เพราะผู้ใช้งานต้องการอ่านเพื่อตอบคำถามที่เขาอยากรู้ ยิ่งเนื้อหาดีจะยิ่งดึงดูดให้พวกเขาตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เนื้อหาควรมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าและต้องมีความถูกต้องจากแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ ยิ่งถ้าสามารถทำคอนเทนต์ให้น่าอ่านและน่าติดตาม จะยิ่งสามารถครองใจกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

  1. เว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพหรือเปล่า

หลังจากได้คอนเทนต์ที่ยอดเยี่ยมออกมาแล้ว การสร้างเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ดีนับเป็นอีกเรื่องที่ควรใส่ใจ เพราะเว็บที่มีความเสถียร โหลดไว ใช้ได้ในทุกระบบ จะช่วยให้ผู้อ่านใช้เวลาอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น จึงมีโอกาสโน้มน้าวให้พวกเขาซื้อสินค้าและบริการได้มากขึ้นไปด้วย อย่าลืมตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์อย่าให้มีไวรัสหรือสแปมหรือไม่ ไม่อย่างนั้นเว็บอาจจะโดนแบนจาก Google ในท้ายที่สุด

  1. ใช้งานบนมือถือได้ดีหรือยัง

ในปัจจุบันคนนิยมค้นหาข้อมูลเรื่องที่ต้องการบนมือถือเป็นส่วนใหญ่ แถมมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ดังนั้นผู้ออกแบบเว็บไซต์ต้องใส่ใจการใช้งานบนมือถือในทุกระบบปฏิบัติการ หมั่นอัปเดตเว็บไซต์และตรวจสอบคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้จะสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูดีและได้รับความไว้วางใจจากคนทั่วไปมากขึ้นแน่นอน

  1. มี Backlink คุณภาพเพียงพอหรือยัง

Backlink คือลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์อื่น ๆ แล้วพากลับมาที่เว็บไซต์ธุรกิจของเรา ยิ่งมีจำนวน Backlink มากยิ่งส่งผลดีต่อการทำ SEO มากขึ้น แต่ต้องมั่นใจว่าลิงก์เหล่านั้นเป็นลิงก์คุณภาพที่น่าจะถูกใจอัลกอริทึมของ Google ถ้าสามารถทำได้ดีจะเป็นการทำคะแนนในโลกของ SEO ให้ดีได้เช่นกัน

เว็บไซต์ที่ดำเนินการเรื่อง SEO ไปแล้ว ลองตรวจสอบคุณภาพของวิธีการของตนเองด้วย 5 คำถามเหล่านี้ดูสิ ถ้าคุณสามารถตอบได้ถูกต้อง ขอให้ทำต่อไป ใช้เวลาอีกหน่อย จะสามารถได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและยั่งยืน แต่ถ้าใครยังทำเรื่องเหล่านี้ได้ไม่ครบถ้วน ยังไม่สายเกินไปที่จะปรับแก้ เพียงเท่านี้ SEO ของเว็บไซต์จะยกระดับไปอีกไกลแน่นอน

7 สายงาน Online Marketing ที่โลกออนไลน์ต้องการ

“อินเทอร์เน็ต” เครือข่ายที่มีความจำเป็นต่อการศึกษา การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้สายงานที่มีความเกี่ยวข้องกับ Online Marketing หรือการตลาดออนไลน์เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น โดยประโยชน์ในการทำการตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย Online Marketing แต่ยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก Online Marketing เป็นการทำการตลาดด้วยการนำข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายมาสร้างเป็น Content แบบที่กลุ่มเป้าหมายต้องการและส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ทำให้สายงาน Online Marketing จึงเป็นสายงานที่ตลาดแรงงานต้องการ

7 สายงาน Online Marketing ที่โลกออนไลน์ต้องการ

  1. Digital Marketing เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนกลยุทธ์การใช้งาน Social media และสื่อออนไลน์อื่น ๆ เป็นหลัก โดยคุณสมบัติของผู้ทำงานควรมีความรู้เรื่องการลงโฆษณา (Ads), ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Search Engine Optimization (SEO), Google Analytics และควรมีความรู้เชิงลึกใน Social media
  2. Content Creator เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนคอนเทนต์ ผลิตคอนเทนต์ และเผยแพร่คอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ บทความหรือ infographic โดยต้องมีความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมด้วย
  3. Content Writer ตำแหน่งงานที่ต้องทำงานร่วมกับ Content Creator โดยมีหน้าที่หลักในการผลิตงานเขียนที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น การเขียน Caption, การเขียนคำโฆษณา หรือการเขียนบทความให้ความรู้ เป็นต้น เพื่อสร้างปริมาณการเข้าถึง Social media หรือ Website อย่างมีคุณภาพ 
  4. Graphic Designer สำหรับงานด้านกราฟิกเป็นงานที่ได้รับความสนใจจาก Digital Marketing มาเป็นเวลานาน เนื่องจากเป็นงานที่ช่วยให้การสร้างสรรค์เนื้อหามีความน่าสนใจมากขึ้น
  5. Data Analytics สายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อส่งต่อให้ สายงาน Online Marketing ที่เกี่ยวข้องนำไปต่อยอดและใช้ในการขยายโอกาสทางธุรกิจต่อไป โดยส่วนใหญ่จะต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการหาข้อมูลธุรกิจเชิงลึก
  6. SEO Specialist ตำแหน่งงานที่มีความรู้เกี่ยวกับการทำ Search Engine Optimization (SEO) ในระดับเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาช่องการ Social media หรือ Website ติดอันดับบนหน้าแรกของ Search Engine ซึ่งช่วยขยายโอกาสทางธุรกิจไปยังกลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจ โดยทำงานร่วมกับ Content Creator, Content Writer, Data Analytics และตำแหน่ง Online Marketing อื่น ๆ
  7. Website Designer ตำแหน่งออกแบบเว็บไซต์เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญในการจัดวางโครงสร้างของเว็บไซต์ให้สะดวกและตอบโจทย์การใช้งาน รวมถึงสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลัก SEO ซึ่งให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับ 

สำหรับผู้ที่สนใจอยากเริ่มต้นทำงานในวงการ Online Marketing ควรศึกษาเกี่ยวกับการทำ SEO เบื้องต้น เพราะทุกสายงานใน Online Marketing มักต้องทำงานเกี่ยวข้องกับการทำ SEO ทั้งสิ้น ซึ่งนอกจากสายงานทั้ง 7 อาชีพที่แนะนำข้างต้น ยังมีสายงานเกี่ยวกับ Online Marketing อีกมากมายที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในไทยและต่างประเทศ

การศึกษาและการเรียนรู้ก็เป็นอีกแนวหนึ่งทางที่จะช่วยให้เราได้เข้าใจถึงการบริการรับลงโฆษณาและเหตุผลสำคัญว่าทำไมการโปรโมทเว็บหรือเฟสบุ๊คแฟนเพจถึงมีความสำคัญสำหรับธุรกิจในยุคสมัยนี้ ที่จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวม และยังช่วยให้ตัดสินใจเดินหน้าต่อ เพื่อความก้าวหน้าของธุรกิจ

1. งบประมาณน้อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้เกินคาด : เงินลงทุนคือสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องวางแผนจัดระเบียบให้ถูกวิธี รวมถึงการเข้าร่วมโฆษณาตลาดออนไลน์ด้วย ถ้าหากเทียบกับการลงสื่ออื่นๆ เช่น หนังสือพิมพ์แล้ว ในการใช้บริการรับโปรโมทเว็บผ่านสื่อเฟสบุ๊คนั้นจะมีการลงทุนที่ใช้เงินทุนน้อยกว่า เพราะว่าผู้คนในสมัยนี้ใช้เวลาอยู่โลกออนไลน์เป็นหลัก

2 .เข้าถึงง่ายครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย : เว็บไซต์และเฟสบุ๊คในยุคสมัยนี้สามารถเชื่อมต่อและเข้าถึงกันได้ง่าย เป็นสื่อทรงอิทธิพลที่มีผู้คนมากมายให้ความสนใจและล็อคอินเข้ามาเพื่อติดตามข่าวสารทุกวัน ทำให้เราสามารถบริหารจัดการและกระจายเกี่ยวกับธุรกิจให้ผู้คนสามารถรับรู้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม นับว่าเป็นการครอบคลุมเป้าหมายได้อย่างถูกหลัก

3. การดำเนินการที่ง่ายสะดวก : การใช้บริการรับลงโฆษณานั้นประหยัดเวลาและสะดวกรวดเร็ว แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ต้องไล่แจกโบรชัวร์ โปรโมทผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ หรือแปะป้ายโฆษณาตามทางเดิน เป็นต้น นอกจากจะขายของได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังสามารถอัปเดตข้อมูลได้ด้วยตนเอง ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีทั้งเราและลูกค้าที่เข้ามารับชมบนหน้าเว็บ

4.เห็นผลรวดเร็ว : การทำตลาดออนไลน์และ Backlink สายเทา สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อผ่านโลกอินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมาก ทำให้สิ่งที่เราต้องการขายและนำเสนอนั้นเข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน อีกทั้งยังสามารถรับลงโฆษณาได้และกำหนดจำนวนได้ด้วย โดยกลุ่มเป้าหมายและมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก

5. เพิ่มลูกค้าได้อย่างยั่งยืน : เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก ช่วยให้ผู้คนสามารถค้นหาและติดตามธุรกิจของเราได้ตามที่ต้องการ เต็มไปด้วยความสะดวกสบายมีคุณภาพ โดยการรับทำ Seo สายเทาเห็นผลได้จริงและมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจของเราเปิดเว็บแทงบอลออนไลน์ มีการแจกทีเด็ดฟรีและวิเคราะห์บอลให้ครบพร้อม เมื่อมีคนเสิร์ชคำว่า “ทีเด็ดบอล” หรือ “วิเคราะห์บอล” ใน Google แล้ว การทำ Seo จองเราจะช่วยผลักดันให้เว็บแทงบอลของเรานั้นขึ้นมาอยู่ที่หน้าแรกของการเสิร์ช ทำให้ธุรกิจของเรากลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของคนเสิร์ชเป็นอันดับต้นๆ