เทคนิคการทำเนื้อหา SEO ให้คนเข้าดูเยอะ

การทำ SEO นั้นเปรียบเสมือนการใช้ศาสตร์และศิลป์เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นไปติดอันดับบนหน้าแรก ๆ ของ search engine แล้ววันนี้เราก็มีเทคนิคซึ่งเป็นศิลปะอย่างหนึ่งในการทำเนื้อหา SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมีคนกดเข้าไปดูเยอะกว่าที่ผ่านมา ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าเทคนิคเหล่านี้มีอะไรบ้าง

การทำเนื้อหา SEO

ตั้งชื่อหัวข้อให้น่าสนใจ น่าคลิกเข้าไปอ่าน

อย่างที่เรารู้กันดีว่าหัวข้อที่น่าสนใจนั้นมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะมันช่วยให้คุณไม่ต้องออกแรงเพื่อให้คนกดเข้าไปอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์มากนัก เพียงแค่ชื่อบทความตรงกับสิ่งที่ผู้คนกำลังค้นหาและเป็นหัวข้อที่มีลักษณะเชิญชวนให้กด ก็ทำให้คนอยากกดเข้าไปอ่านแล้วล่ะ

เพิ่ม internal link ลงไปในบทความบนเว็บไซต์

การทำ internal link นั้นมีจุดประสงค์คล้าย ๆ กับการทำ backlink แต่เป็นการสร้างการเชื่อมโยง link ที่อยู่ภายในเว็บไซต์เท่านั้น หากมีคนกด link เพื่อเข้าไปอ่านเนื้อหาอีกหน้าหนึ่งภายในเว็บไซต์ของคุณ ก็จะช่วยเพิ่มระยะเวลาการอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้คะแนนจาก search engine มากขึ้น

อย่าทำ backlink เหมือน spam

ตัวอย่างการทำ backlink ที่ดูเหมือน spam คือ การที่คุณนำ URL ของเนื้อหาไปวางไว้ในเว็บไซต์อื่น ๆ โดยที่เนื้อหาของเว็บไซต์นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อหาใน URL ของคุณเลย

ใช้ social media เป็นตัวช่วย traffic

Social media เป็นตัวช่วยที่ดีในการเพิ่ม traffic ให้มีคนเข้าไปดูเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่คุณสร้างขึ้นมาได้เป็นจำนวนมากเลยทีเดียวล่ะ แต่ถ้าเมื่อใดที่คุณสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการคนอ่านได้ ก็จะทำให้คุณไม่ต้องใช้ social media เป็นตัวช่วยในระยะยาวอีกเลยก็ได้การทำเนื้อหา SEO

ใส่ meta description ให้คนรู้ว่าหน้าเนื้อหาของคุณพูดเกี่ยวกับอะไร

Meta description เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ใช้รู้ก่อนว่าเนื้อหาในหน้าที่พวกเขาจะกดเข้าไปนั้น เป็นบทความที่เกี่ยวกับเรื่องอะไร ยิ่งมีคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้นิยมใช้ในการค้นหาด้วยแล้ว ก็ยิ่งช่วยให้คนอยากกดเข้าไปอ่านมากขึ้น

สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการ verify SSL ให้เรียบร้อย

แม้ว่า search engine จะไม่ได้บอกให้คุณ verify SSL แต่หากเว็บไซต์ของคุณมีการทำ SSL เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือบน search engine ได้ อีกทั้งยังเพิ่มเครดิตให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าเมื่อกดเข้าไปดูเว็บไซต์ของคุณแล้วจะปลอดภัยนั่นเอง

เทคนิคเหล่านี้เป็นวิธีที่ช่วยให้หลายเว็บไซต์ที่ทำเนื้อหา SEO มานานแต่ไม่มี traffic วิ่งเข้าไปในเว็บไซต์เลย ได้มีโอกาสเพิ่มจำนวนคนดูเว็บไซต์ให้มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการปรับกลยุทธ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น แล้วคุณล่ะได้ใช้เทคนิคเหล่านี้ไปแล้วหรือยัง

SEO เป็นเทคนิคการตลาด

SEO เป็นเทคนิคการตลาดที่คนทำเว็บไซต์ออนไลน์ต้องทำความรู้จักเนื่องจากเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เหมาะกับผู้เริ่มทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต ไม่ต้องเสียค่าโฆษณา แต่ยังทำให้อันดับในการสืบค้นอยู่หน้าแรกของ Google เสมอ ซึ่งจะทำให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้บริโภคและมียอดขายดีตามไปด้วย

SEO หรือ search engine optimization เป็นการพัฒนาหลาย ๆ ส่วนของเว็บไซต์ให้ตรงตามเกณฑ์ที่ Google กำหนด ได้แก่ การปรับโครงสร้างให้ใช้งานง่ายสะดวกทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ การมีเนื้อหาที่น่าสนใจในแต่ละหน้า ตอบโจทย์การค้นหาแต่ละ keyword การมีลิงก์เชื่อมโยงสู่เว็บไซต์ภายนอกที่มีคุณภาพสูง ฯลฯ

ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ควรรู้ คือ

1. ตัวช่วยที่ดีสำหรับการเลือก keyword

ตัวช่วยหาคำสำคัญแบบ Long-tailed keyword ที่คนนิยมค้นหา เปรียบได้กับหัวใจของการทำบทความในเว็บไซต์ ที่คนทำเว็บไซต์รุ่นใหม่ ๆ ควรรู้จัก คือ Google keyword planner จะมีการแสดงคำต่าง ๆ คู่กับสถิติเปอร์เซ็นต์การคลิกเข้าชมของเว็บไซต์ชั้นนำที่มียอดขายสูง ให้คุณนำไปดัดแปลงต่อยอดในการเขียนบทความได้

2. การทำ Backlink และ Hyperlink

เป็นการสร้างจุดเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเว็บไซต์หลายแห่งเข้าด้วยกันผ่านเว็บไซต์ของคุณ จะทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายได้ดีขึ้น เพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ให้มีอันดับ SEO ที่ดีขึ้นได้ สามารถเรียนรู้การทำได้ผ่าน plugin Yoast SEO

3. การแชร์ไปยังสื่อโซเชียล

คนรุ่นใหม่นิยมใช้หลาย ๆ แพลตฟอร์ม เช่น YouTube, Facebook, Instagram หากประทับใจเว็บไซต์ใด มักแชร์และบอกต่อ ซึ่งสามารถดูสถิติการแชร์ได้ผ่าน Google search console เพื่อดูว่าควรปรับเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจของลูกค้าในทิศทางใด

ข้อดีสำคัญของการทำ SEO

เป็นเทคนิคที่สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเอง หากพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง ก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายจ้างบริษัททำ SEO ประหยัดงบประมาณค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์เป็นรายคลิกหรือที่เรียกว่า pay per click ได้

ข้อจำกัดของ SEO

ระบบ algorithm ของ Google จะมีการสำรวจและเก็บข้อมูลการทำ SEO เป็นระยะ เพื่อนำไปวิเคราะห์เป็นคะแนน เปรียบเทียบกับเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อนำไปสู่การจัดอันดับของเว็บไซต์คุณ โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 3 ถึง 6 เดือนหลังการทำ จึงเห็นผลช้ากว่าการทำโฆษณาที่จะเห็นผลในช่วง 1-2 วันเท่านั้น

จะเห็นได้ว่า SEO เป็นสิ่งที่คนทำเว็บไซต์รุ่นใหม่ต้องศึกษา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับร้านค้าออนไลน์อื่นที่มีมานาน ซึ่งการทำธุรกิจออนไลน์ในอนาคต จำเป็นที่จะต้องแข่งขันด้านคุณภาพของเว็บไซต์ SEO มากขึ้นไปเรื่อย ๆ เราหวังว่าทุกท่านจะเห็นความสำคัญของการทำ SEO และศึกษาเพื่อนำไปปรับใช้ให้ธุรกิจเติบโตต่อไป

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ SEO อยากทำให้เว็บไซต์ดี ต้องดู

การที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถติดอันดับการค้นหาจาก Search Engine ในระยะเวลาสั้นๆ คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักหากคุณไม่ใช่เจ้าบุญทุ่มที่มีเงินหนาในการซื้อโฆษณาหรือจองพื้นที่ลำดับต้นๆจากทาง Google ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อันดับการเปลี่ยนแปลงในหน้าแรกๆ จะขยับสับเปลี่ยนไปตามความนิยมของคนที่ค้นหา แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณซึ่งอุตส่าห์สร้างมากับมือกลับต้องลื่นไหลหล่นไปอยู่ลำดับท้ายๆ หรือ เปลี่ยนไปอยู่หน้าหลังๆ ได้ทุกวันคงไม่ใช่เรื่องที่เป็นปกติเท่าไรนัก อาจเพราะเว็บของคุณเองทำ SEO ไม่ถูกวิธีจนต้องโดนทาง Google ลงโทษ ลดความสำคัญลงไปในลำดับท้ายๆ หรือ โดนแบน นั่นเอง

มีวิธีใดบ้างที่คุณเผลอไปทำจนให้ Google แบนคุณได้

1.เว็บร้าง ขาดการอัปเดต อาจเพราะแรงจูงใจในการทำเว็บไซต์ของคุณหมดลงหรือหมดไฟในการหาข้อมูลมาอัปเดตเว็บไซต์อยู่เสมอๆ หรือไม่จึงทำให้ Google ค่อยๆ ลดความสำคัญของเว็บคุณลงไป เพราะ Google เองต้องการข้อมูลที่อัปเดตอยู่ตลอดเวลา รวมถึง Google ก็มีบอทในการตรวจสอบเว็บไซต์ หากตรวจพบว่าเว็บของคุณขาดการอัปเดตในเนื้อหาหรือปล่อยร้างไปนานรับรองได้เลยว่า อันดับการค้นหาของคุณต้องไหลรูดอย่างแน่นอน ฉะนั้นแล้วหมั่นควรอัปเดตเนื้อหาและบทความให้ใหม่อยู่เสมอ รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจใหม่เพื่อไม่ให้หมดไฟในการทำเว็บไซต์ด้วยนะ

2.Copy หรือ เอาข้อมูล รูปภาพ จากเว็บอื่นมาลง แน่นอนที่สุดที่สมควรต้องโดนแบน เพราะการละเมิดข้อมูลของคนอื่นถือว่าเป็นความผิดอย่างมาก ซึ่งทางเจ้าของเว็บที่โดน Copy มาสามารถที่จะแจ้งเรื่องหรือร้องเรียนไปยัง Google ผ่านช่องทาง Copyright Removal ทาง Google ก็จะทำการตรวจสอบและลบเว็บไซต์นั้นออกจากระบบการค้นหาของทาง Google โดยทันที หากไม่อยากโดนลบโดนแบนจากทาง Google แล้วควรให้เครดิตเจ้าของข้อความหรือรูปภาพด้วยการทำ Backlink กลับไปยังเว็บไซต์ที่คุณนำบทความมาจะดีที่สุด

3.เว็บไซต์โดนแฮ๊ก การที่เว็บไซต์โดนแฮ๊กนั้นอาจมีด้วยกันหลายแบบ เช่น การแก้ไขข้อมูลในเว็บคุณโดยนำข้อมูลอื่นมาใส่แล้วทำลิงก์ออกไปเว็บข้างนอก, การฝังไวรัสหรือมัลแวร์ในเว็บของคุณ ซึ่งทาง Google เองจะขึ้นข้อความเตือนผู้ที่ทำการค้นหาผ่าน Search Engine ว่าเว็บนี้อาจมีไวรัสหรือไม่ปลอดภัย เป็นต้น

4.SPAM หรือการโพสข้อมูลซ้ำๆ การขายสินค้าโดยการโพสข้อมูลบ่อยๆ บางครั้งอาจไม่ใช่ผลดีเสมอไป อย่างการไปฝากลิงก์กับเว็บภายนอก ซึ่งทางบอทของ Google เองอาจมองดูว่าเป็นการทำ SPAM Backlinks เมื่อโพสบ่อยๆ ขึ้นก็อาจส่งผลให้อันดับตกลงเร็วไปด้วย

5.ตกแต่งรูปและสคริปต์ภายในเว็บมากเกินไป Google มี Engine ตัวหนึ่งที่คอยตรวจจับเว็บไซต์ที่ตอบสนองต่อการโหลดหน้าเว็บไซต์นั้นๆ ว่าช้าหรือเร็วมากน้อยแค่ไหน การที่คุณใส่รูปที่มีขนาดใหญ่หรือสคริปต์ที่ตกแต่งเว็บให้มีขนาดใหญ่เกินไปทำให้อัตราการโหลดหน้าเว็บไซต์ช้าเกินกว่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้อันดับในการค้นหาเว็บไซต์ของคุณตกลงแน่นอน คอยหมั่นตรวจสอบ Page Speed จากเครื่องมือ Google Page Speed Insights เพื่อคอยปรับปรุงความเร็วของการโหลดหน้าเว็บอยู่เสมอ

มีวิธีใดบ้างที่คุณเผลอไปทำจนให้ Google แบนคุณได้

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะไม่ทำ SEO ที่ไม่ดีตามที่กล่าวมานี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการลดอันดับเว็บไซต์ของคุณได้ เพราะนอกจากอันดับที่ลดลงแล้วนั้นยังมีความน่าเชื่อถือที่ลดหายลงไปด้วย ทำในสิ่งที่ถูกและขยันอัปเดตเนื้อหาใหม่ๆอยู่เสมอ รับรองได้เลยว่าเว็บไซต์ของคุณจะยังคงติดอันดับหน้าค้นหาของทาง Google อย่างแน่นอน