การประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ออนไลน์ ใช้วิธี SEO หรือ SEM ดีกว่ากัน

การทำประชาสัมพันธ์หรือการตลาดออนไลน์ในปัจจุบันมีหลายช่องทาง ซึ่ง SEO และ SEM เป็นที่นิยมมาก เนื่องจากช่วยเพิ่มยอดขายและทำให้เป็นเว็บไซต์เป็นที่รู้จักได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม การทำ SEO และ SEM ก็มีข้อดีและข้อด้อยที่แตกต่างกัน ซึ่งเราได้รวบรวมประเด็นที่สำคัญมาไว้ที่นี่แล้ว ดังนี้

1. ด้านระยะเวลา

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เว็บไซต์ถูกจัดอันดับได้ดีในหน้าต่างการสืบค้น อันเป็นผลจากการวิเคราะห์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ หรือ AI ที่ไม่สามารถควบคุมลำดับหรือตำแหน่งในการนำเสนอได้ จึงต้องอาศัยระยะเวลาจากการสะสมข้อมูล ดังนั้น สิ่งที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องทำ คือ การผลิตเนื้อหา รูปภาพ คลิปวีดีโอ เพื่อดึงดูดให้มีจำนวนการเข้าชมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หากเปรียบเทียบกับ SEM หรือ Search Engine Marketing ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์โดยการซื้อพื้นที่โฆษณา เพื่อให้อยู่ในอันดับต้น ๆ เช่น 5 อันดับแรกของหน้าต่างการสืบค้นใน Yahoo และ Google จะเห็นได้ชัดว่า SEM เพิ่มยอดเข้าชมและยอดขายจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเร็วและมากกว่า

2. ค่าใช้จ่าย

การทำ SEO สามารถทำได้ด้วยเจ้าของเว็บไซต์เพียงคนเดียว จึงเรียกได้ว่าไม่มีค่าใช้จ่ายในการจ้างคนหรือหากจำเป็นต้องจ้างอาจจะใช้บริการจ้างทีมงานมืออาชีพ เพื่อการเขียนบทความ ถ่ายภาพและทำสื่อโฆษณาและทำคลิปวีดีโอต่าง ๆ ประกอบ หลังจากการออกแบบเว็บไซต์ ซึ่งปัจจุบันมีโครงสร้างของเว็บไซต์สำเร็จรูปที่ใช้งานได้ที่เพียงพอต่อการใช้งานโดยทั่วไปแล้ว

ส่วนการทำ SEM ย่อมมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น จากการประมูลพื้นที่โฆษณาในอันดับต้น ๆ และเมื่อมีการคลิกจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเข้าไปในเว็บไซต์ผ่าน link ที่โฆษณา ก็จะทำให้เกิดการคำนวณค่าใช้จ่าย ที่จะต้องชำระให้แก่ทาง Search Engine แบบ Pay Per Click ตามมา

3. ความสม่ำเสมอในการดูแล

การทำ SEO อยู่ที่ตัวของเจ้าของเว็บไซต์เอง ซึ่งหากมีการทำอย่างต่อเนื่องจะเห็นผลที่ชัดเจนทั้งด้านยอดขายและผู้ติดตามเว็บไซต์มากขึ้น โดยที่ยังควบคุมค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี

การทำ SEM ย่อมมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น

ส่วนการทำ SEM หากมีต้นทุนที่จำกัด ควรจะทำเป็นจังหวะช่วงเวลาเพื่อกระตุ้นยอดขายตามสถานการณ์เช่น เมื่อมีการออกสินค้ารุ่นใหม่ มีการจัด Event หรือจัดโปรโมชั่นปลายปี ฯลฯ การทำ SEM ก็ไม่ต้องดูแลในเรื่องรายละเอียด เพียงตั้งค่าไว้กับโปรแกรมโฆษณาของ Search Engine ก็จะทำงานอัตโนมัติและเรียกเก็บเงินเมื่อถึงกำหนด

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO และ SEM มีทั้งข้อดีและข้อด้อยที่แตกต่างกัน นักธุรกิจที่ต้องการประชาสัมพันธ์ให้เว็บไซต์มีชื่อเสียงติดตลาด สามารถเลือกทำวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือจะใช้วิธีการแบบผสมผสานให้เสริมจุดแข็งร่วมกันเพื่อช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณเจริญก้าวหน้าได้ดียิ่งขึ้นก็ได้

การที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถติดอันดับการค้นหาจาก Search Engine ในระยะเวลาสั้นๆ คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักหากคุณไม่ใช่เจ้าบุญทุ่มที่มีเงินหนาในการซื้อโฆษณาหรือจองพื้นที่ลำดับต้นๆจากทาง Google ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อันดับการเปลี่ยนแปลงในหน้าแรกๆ จะขยับสับเปลี่ยนไปตามความนิยมของคนที่ค้นหา แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณซึ่งอุตส่าห์สร้างมากับมือกลับต้องลื่นไหลหล่นไปอยู่ลำดับท้ายๆ หรือ เปลี่ยนไปอยู่หน้าหลังๆ ได้ทุกวันคงไม่ใช่เรื่องที่เป็นปกติเท่าไรนัก อาจเพราะเว็บของคุณเองทำ SEO ไม่ถูกวิธีจนต้องโดนทาง Google ลงโทษ ลดความสำคัญลงไปในลำดับท้ายๆ หรือ โดนแบน นั่นเอง

มีวิธีใดบ้างที่คุณเผลอไปทำจนให้ Google แบนคุณได้

1.เว็บร้าง ขาดการอัปเดต อาจเพราะแรงจูงใจในการทำเว็บไซต์ของคุณหมดลงหรือหมดไฟในการหาข้อมูลมาอัปเดตเว็บไซต์อยู่เสมอๆ หรือไม่จึงทำให้ Google ค่อยๆ ลดความสำคัญของเว็บคุณลงไป เพราะ Google เองต้องการข้อมูลที่อัปเดตอยู่ตลอดเวลา รวมถึง Google ก็มีบอทในการตรวจสอบเว็บไซต์ หากตรวจพบว่าเว็บของคุณขาดการอัปเดตในเนื้อหาหรือปล่อยร้างไปนานรับรองได้เลยว่า อันดับการค้นหาของคุณต้องไหลรูดอย่างแน่นอน ฉะนั้นแล้วหมั่นควรอัปเดตเนื้อหาและบทความให้ใหม่อยู่เสมอ รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจใหม่เพื่อไม่ให้หมดไฟในการทำเว็บไซต์ด้วยนะ

2.Copy หรือ เอาข้อมูล รูปภาพ จากเว็บอื่นมาลง แน่นอนที่สุดที่สมควรต้องโดนแบน เพราะการละเมิดข้อมูลของคนอื่นถือว่าเป็นความผิดอย่างมาก ซึ่งทางเจ้าของเว็บที่โดน Copy มาสามารถที่จะแจ้งเรื่องหรือร้องเรียนไปยัง Google ผ่านช่องทาง Copyright Removal ทาง Google ก็จะทำการตรวจสอบและลบเว็บไซต์นั้นออกจากระบบการค้นหาของทาง Google โดยทันที หากไม่อยากโดนลบโดนแบนจากทาง Google แล้วควรให้เครดิตเจ้าของข้อความหรือรูปภาพด้วยการทำ Backlink กลับไปยังเว็บไซต์ที่คุณนำบทความมาจะดีที่สุด

3.เว็บไซต์โดนแฮ๊ก การที่เว็บไซต์โดนแฮ๊กนั้นอาจมีด้วยกันหลายแบบ เช่น การแก้ไขข้อมูลในเว็บคุณโดยนำข้อมูลอื่นมาใส่แล้วทำลิงก์ออกไปเว็บข้างนอก, การฝังไวรัสหรือมัลแวร์ในเว็บของคุณ ซึ่งทาง Google เองจะขึ้นข้อความเตือนผู้ที่ทำการค้นหาผ่าน Search Engine ว่าเว็บนี้อาจมีไวรัสหรือไม่ปลอดภัย เป็นต้น

4.SPAM หรือการโพสข้อมูลซ้ำๆ การขายสินค้าโดยการโพสข้อมูลบ่อยๆ บางครั้งอาจไม่ใช่ผลดีเสมอไป อย่างการไปฝากลิงก์กับเว็บภายนอก ซึ่งทางบอทของ Google เองอาจมองดูว่าเป็นการทำ SPAM Backlinks เมื่อโพสบ่อยๆ ขึ้นก็อาจส่งผลให้อันดับตกลงเร็วไปด้วย

5.ตกแต่งรูปและสคริปต์ภายในเว็บมากเกินไป Google มี Engine ตัวหนึ่งที่คอยตรวจจับเว็บไซต์ที่ตอบสนองต่อการโหลดหน้าเว็บไซต์นั้นๆ ว่าช้าหรือเร็วมากน้อยแค่ไหน การที่คุณใส่รูปที่มีขนาดใหญ่หรือสคริปต์ที่ตกแต่งเว็บให้มีขนาดใหญ่เกินไปทำให้อัตราการโหลดหน้าเว็บไซต์ช้าเกินกว่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้อันดับในการค้นหาเว็บไซต์ของคุณตกลงแน่นอน คอยหมั่นตรวจสอบ Page Speed จากเครื่องมือ Google Page Speed Insights เพื่อคอยปรับปรุงความเร็วของการโหลดหน้าเว็บอยู่เสมอ

มีวิธีใดบ้างที่คุณเผลอไปทำจนให้ Google แบนคุณได้

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะไม่ทำ SEO ที่ไม่ดีตามที่กล่าวมานี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการลดอันดับเว็บไซต์ของคุณได้ เพราะนอกจากอันดับที่ลดลงแล้วนั้นยังมีความน่าเชื่อถือที่ลดหายลงไปด้วย ทำในสิ่งที่ถูกและขยันอัปเดตเนื้อหาใหม่ๆอยู่เสมอ รับรองได้เลยว่าเว็บไซต์ของคุณจะยังคงติดอันดับหน้าค้นหาของทาง Google อย่างแน่นอน