ฟรี! เครื่องมือ SEO ที่มือใหม่ไม่ควรพลาด

การทำ SEO คือ การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับหน้าค้นหาของ Search Engine โดยเฉพาะ Google ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก ซึ่งทาง Google เองได้มีการกำหนด กฎเกณฑ์ สำหรับการจัดอันดับเว็บไซต์ ดังนั้น คนทำเว็บควรทำการปรับปรุงและพัฒนาให้เว็บไซต์ของตนเองมีคุณภาพและถูกต้องตามกฎของ Search Engine อยู่เสมอ โดยในวันนี้จะมาแนะนำเครื่องมือในการทำ SEO ฟรี สำหรับมือใหม่ให้นำไปใช้กัน

  1. WordPress

เป็นหนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมในการทำเว็บไซต์ โดยเฉพาะมือใหม่เพราะใช้งานง่ายและมีปลั๊กอินและธีมให้เลือกใช้งานทั้งแบบจ่ายเงินและฟรีจำนวนมาก ถึงขนาดที่ google เองยังมีทีมพัฒนาเพื่อตรวจสอบว่า WordPress อัปเดตและปล่อยอะไรใหม่ ๆ ออกมาบ้าง

  1. Yoast SEO

Yoast SEO เป็นปลั๊กอินฟรีจาก WordPress ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการพัฒนาเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามหลัก SEO เพราะทุกข้อมูลที่ทำในเว็บไซต์จะมีการแจ้งเตือนถึงความเหมาะสม ผ่านหรือไม่ผ่าน เพื่อที่คนพัฒนาเว็บจะได้ปรับปรุงแก้ไข ตลอดจนการแนะนำ Keyword ที่เหมาะสมกับบทความที่ลงไว้อีกด้วย

  1. Google My Business

เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับแจ้งเตือนคนในพื้นที่เวลาที่ต้องการค้นหาธุรกิจหรือสินค้าใดสินค้าหนึ่ง จะมีการแสดงผลร้านค้าของเราโผล่ขึ้นมาในหน้าค้นหาในทันที นอกจากนี้ยังสามารถปักหมุด ให้ลูกค้าได้รีวิวเมื่อแวะมาที่ร้านเราอีกด้วย

  1. Google Trends

Google Trends เป็นเครื่องมือที่ใช้ค้นหาว่าในแต่ละวันหรือช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา มีการค้นหาสินค้า บริการหรือสิ่งที่กำลังกล่าวถึงในปัจจุบัน เมื่อเรารู้จะได้นำข้อมูลดังกล่าวมาสร้างคอนเทนด์เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับค้นหาได้

  1. PageSpeed Insights

เครื่องมือตัวนี้ใช้สำหรับตรวจสอบหรือเช็คความเร็วของเว็บไซต์ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเว็บไซต์ของเรามีความเร็วในการโหลดและใช้งานรวดเร็วเพียงใด เพราะเป็นหนึ่งในกฎเกณฑ์ของการจัดอันดับหน้าเว็บไซต์ของ Google ด้วย

  1. Screaming Frog

เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจและประเมินคุณสมบัติของเว็บไซต์ทั้งหมด เพื่อให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์ได้ทำการแก้ไข ปรับปรุงให้เว็บไซต์ของตนเองให้ดีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ในการใช้งานมีข้อจำกัดเพียงอย่างเดียวคือสามารถตรวจสอบได้ไม่เกิน 500 URLs ต่อเว็บเท่านั้น หากต้องการมากกว่านั้น จำเป็นที่จะต้องเสียเงิน

  1. Accuranker

อีกหนึ่งเครื่องมือที่ไม่ควรพลาดคือ Accuranker ที่ทำหน้าที่ในการ Tracking Keyword เพื่อใช้ดูอันดับคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเรา รวมการกราฟข้อมูลเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดที่ใช้งาน เพื่อให้มองเห็นถึงคุณภาพของ Keyword ที่นำมาใช้ จึงเหมาะสำหรับการนำ Keyword มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครื่องมือในการทำ SEO ที่มือใหม่ควรรู้และนำไปใช้งานในการพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ เพราะเป็นเครื่องมือที่มีให้ใช้งานฟรี แต่ถ้าต้องการความสามารถที่มากกว่าเดิมสามารถที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อความสามารถที่มากขึ้นเพื่อให้เว็บไซต์มีคุณภาพและช่วยให้ติดอันดับการค้นหาไปนาน ๆ 

ข้อผิดพลาดของการทำ SEO ที่ไม่ควรโผล่บนเว็บไซต์ของคุณ

การทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพไม่ควรเน้นไปแค่การเพิ่มปริมาณลิงก์หรือคีย์เวิร์ดให้มากเข้าไว้ โดยไม่สนใจคุณภาพของเนื้อหา เพราะการไม่พัฒนาคุณภาพงานเป็นจุดเรื่องต้นพื้นฐานของความล้มเหลวในการทำการตลาดออนไลน์ ยิ่งการทำ SEO บนเว็บไซต์ทางธุรกิจยิ่งต้องใส่ใจในรายละเอียดที่มากขึ้นไปอีก เพราะเว็บไซต์เหมือนเป็นสิ่งที่สะท้อนหน้าตาภาพลักษณ์ของแบรนด์ออกมาให้ลูกค้าเห็น โดยทั้ง 4 เรื่องต่อไปนี้ ไม่ควรเกิดขึ้นบนเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ

  1. การใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไปบนหน้าเพจ

บางคนอาจจะคิดว่ายิ่งมีคีย์เวิร์ดเยอะยิ่งดี และคงติดอันดับการเสิร์จได้เร็ว แต่ในความเป็นจริงการยัดเยียดคีย์เวิร์ดเข้าไปบนหน้าเพจเรียกว่า Keyword Stuffing เป็นสิ่งต้องห้ามในการจัดอันดับผลการค้นหาของ Google และส่งผลให้ไม่ติดอันดับการค้นหาในที่สุด ในทางปฏิบัติผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องเรียนรู้การใส่คีย์เวิร์ดที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ต้องการนำเสนออย่างเป็นธรรมชาติ มีความถี่ในการใส่ที่สม่ำเสมอ เพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีคุณภาพและมีโอกาสซื้อสินค้าและบริการเข้ามายังหน้าเพจของบริษัท

  1. ไม่มีการเปลี่ยนชื่อ URL Slug

URL Slug คือชื่อของ URL ของเว็บเพจที่อยู่ต่อด้านหลังชื่อเว็บไซต์ โดยชื่อของ Slug นี้สามารถให้ตัวเว็บไซต์สร้างขึ้นมาเองได้ แต่ปัญหาคือมักได้ชื่อที่มีลักษณะเป็นรหัสยาว ๆ มองดูแล้วไม่มีความเกี่ยวข้อกับเนื้อหา ลูกค้ามองมาไม่เข้าใจว่าเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร ดังนั้นควรมีการเปลี่ยนชื่อ Slug ของเว็บไซต์ให้เข้าใจง่าย กระชับ และทางที่ดีควรมีคีย์เวิร์ด SEO อยู่ในนั้นด้วย อีกเคล็ดลับที่น่าสนใจคือการเลือกใช้ URL เป็นภาษาอังกฤษ เพราะหลายครั้ง URL ภาษาไทย เมื่อถูกนำไปแชร์ต่อจะเพี้ยนกลายเป็นภาษาต่างดาว และทำให้คนไม่กล้ากดเข้ามาดูเว็บไซต์

  1. ใส่รูปขนาดใหญ่เกินไปและไม่มีชื่อรูป

การเลือกใช้รูปให้เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับเนื้อหานับเป็นสิ่งสำคัญ แต่หลายคนอาจจะคิดว่าการแปะรูปบนเว็บไซต์ ถ้ารูปมีขนาดใหญ่ยิ่งดี แต่ความจริงแล้วจะเป็นการทำให้หน้าเพจดูไม่สวยงาม และรบกวนการจัดหน้าข้อความให้ดูสบายตาอีกด้วย และถ้าพื้นที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์ไม่ใหญ่ อาจจะกินพื้นที่และใช้เวลาโหลดมากเกินไปโดยไม่จำเป็น  ดังนั้นการเลือกภาพมาประกอบบนเว็บไซต์ต้องมีขนาดพอดี รูปมีคุณภาพ และควรตั้งชื่อรูปเพื่อแสดงว่าภาพนี้ต้องการจะสื่ออะไร จะทำให้ส่งผลดีต่อการทำ SEO อย่างแน่นอน

  1. ไม่อัพเดทเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ

เนื้อหาที่สดใหม่และมีการพัฒนาให้ทันสมัยตลอดเวลาเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหาบนโลกออนไลน์ ดังนั้นการหมั่นพัฒนาเนื้อหาและเพิ่มข้อมูลใหม่ ๆ ให้ทันโลกและตอบโจทย์ความต้องการแนวใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาของลูกค้า เป็นสิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ดูน่าสนใจ และนับเป็นการก้าวนำคู่แข่งอยู่หนึ่งก้าว 

รายละเอียดการทำเว็บไซต์แค่จุดเล็ก ๆ สามารถส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ต่อผลการทำ SEO และยังมีผลต่อหน้าตาเว็บไซต์ในสายตาผู้ใช้งานอีกด้วย การใส่ใจและหมั่นพัฒนาเนื้อหาเป็นเรื่องคุ้มค่าที่ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องให้ความสำคัญ ดังนั้นเว็บไซต์ของใครยังมีทั้ง 4 ข้อที่เรานำเสนอไป ต้องหันกลับไปแก้ไข ก่อนจะถูกลดอันดับการเสิร์จไปโดยไม่รู้ตัว